Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน26 พฤษภาคม 2553
จับตาอสังหาฯไตรมาส2 AREA เผย2เดือนตกต่ำสุดๆ             
 


   
search resources

โสภณ พรโชคชัย
Real Estate




AREAแนะจับตาตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 หลังพบยอด 2 เดือนแรกตกต่ำสุดๆ พร้อมเผยผลสำรวจตลาดไตรมาสแรกโตพุ่งพรวด อุปทานเปิดใหม่ 81 โครงการ 22,333 หน่วยเพิ่มขึ้น 70% มูลค่ารวม 50,892 ล้านบาท ขณะที่ราคาเฉลียลดลงเหลือ 2.279 ล้านบาท จากเดิม 3.211 ล้านบาท เหตุผู้ประกอบการแห่สร้างบ้านบีโอไอ

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนล่าสุดคือ เดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 สถานการณ์ผันผวนมาก ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

“สถานการณ์ตลาดในไตรมาส 2 จะได้รายงานสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่เท่าที่รวบรวมข้อมูลในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/2553 เมษายน – พฤษภาคม 2553 สถานการณ์ตกต่ำมาก” ดร.โสภณกล่าว

ส่วนผลสำรวจในโครงการวิจัยต่อเนื่อง Real Estate Index ล่าสุดถึงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ พบว่า 1.อุปทานที่อยู่อาศัยเฉพาะที่เปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ณ ไตรมาส 1/2553 จำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2552 มากกว่า 70% โดยจากผลการสำรวจภาคสนามพบว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ (ไม่รวมโครงการที่ขายมาก่อนหน้านี้แล้ว) มีจำนวน 81 โครงการ จำนวน 22,333 หน่วย มูลค่า 50,892 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 2.279 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้วจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 13% จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 72% มูลค่าเพิ่มขึ้น 22% มีเพียงแต่ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ลดลง 29% จาก 3.211 ล้านบาท ในปี 2552 เหลือเพียง 2.279 ล้านบาทในปีนี้

สถานการณ์ด้านอุปทานหรือด้านผู้ประกอบการในตลาด มีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะมีปัจจัยเสียงด้านการเมืองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการหวั่นวิตกแต่อย่างใด จึงทำให้มีอุปทานใหม่ออกมาขายในไตรมาสแรกของปีนี้มากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 72% ในด้านจำนวนหน่วย และ 22% ในด้านมูลค่าการพัฒนาโครงการ และยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่ปรับเพิ่มเป้าหมายการลงทุนให้สูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ โดยปรับปรุงเงื่อนไขและราคาจำหน่ายของ“บ้านบีโอไอ” จากราคา 6 แสนบาท เป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จึงทำให้ ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นหากคาดการณ์ทั้งปีอาจมีอุปทานใหม่ในปีนี้ประมาณ 89,332 หน่วย (22,333x4) ซึ่งคาดว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นประมาณ 55% เมื่อเทียบกับปี 2552 จำนวน 57,604 หน่วย แต่จำนวนอุปทานทั้งปีอาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกประมาณ 10-20% เนื่องจากตัวเลขที่นำมาคาดการณ์เป็นตัวเลขของไตรมาส 1 ซึ่งเป็นฤดูของการเปิดตัวมากอยู่แล้ว

2. สถานการณ์ด้านกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่เปิดใหม่ จำนวนหน่วยที่ขายได้เพิ่มขึ้น 3.3 เท่าเมื่อเทียบไตรมาสแรกของปีที่แล้ว จากการสำรวจจำนวนหน่วยที่ขายได้ในเดือนแรกของโครงการที่เปิดขายใหม่ พบว่าในไตรมาสแรกของปีที่แล้วขายได้ประมาณ 17% แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้สามารถขายได้มากถึง 43% ของจำนวนอุปทานใหม่ที่เปิดขายทั้งหมด

จำนวนหน่วยที่ขายได้ของที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรก ปี 2553 เพิ่มขึ้นถึง 3.3 เท่า (จากจำนวน 2,195 หน่วยในไตรมาส 1/2552 เป็น 9,604 หน่วย ในไตรมาส 1/2553) และหากพิจารณาในแง่ของมูลค่าที่ขายได้ พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 2.7 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ปี 2552 (จากมูลค่า 5,070 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2552 เป็น 18,604 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2553) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคก็มีมากขึ้น หรือมีความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงได้ตัดสินใจซื้อ และทั้งนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับมาตรการภาษีของรัฐบาลในการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะที่อยู่อาศัยที่เปิดขายใหม่นี้ส่วนใหญ่จะขายกระดาษ และเป็นส่วนน้อยที่จะสร้างเสร็จก่อนขาย

3.ตลาดคอนโดมิเนียมยังโดต่อเนื่อง จากสัดส่วนจำนวนหน่วยขาย 39% ในไตรมาสแรก ปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 55% ในไตรมาสแรก ปี 2553

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยที่เปิดตัวใหม่ในไตรมาสแรก ปี 2553 จะพบว่าประเภทที่อยู่อาศัยที่เปิดขายมากที่สุดดังนี้ อันดับ 1: อาคารชุด หรือคอนโดมิเนียมนั่นเอง (จากจำนวน 5,073 หน่วย หรือสัดส่วน 39% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2552 เพิ่มเป็น 12,287 หน่วย หรือสัดส่วน 55% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2553) ซึ่งหากเปรียบเทียบจากจำนวนหน่วยแล้วตลาดคอนโดมิเนียมมีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1.4 เท่า

อันดับ 2: ทาวน์เฮาส์ (จากจำนวน 3,092 หน่วย หรือสัดส่วน 30% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2552 เพิ่มเป็น 6,227 หน่วย หรือสัดส่วน 28% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2553) ซึ่งจะเห็นได้ว่าสัดส่วนการพัฒนาลดลง แต่จำนวนหน่วยขายกลับเพิ่มขึ้นถึง 101%

และอันดับ 3: บ้านเดี่ยว (จากจำนวน 3,122 หน่วย หรือสัดส่วน 24% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2552 ลดลงเป็น 2,549 หน่วย หรือสัดส่วน 11% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2553)   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us