|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธปท.คาดเบื้องต้นลูกค้าแบงก์ในธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบประมาณ 2.3 หมื่นล้าน คิดเป็น 0.3%ของสินเชื่อทั้งระบบ ชี้หากเป็นเอ็นพีแอลทั้งก้อนมีผลต่อให้เงินกองทุนแบงก์ทั้งระบบหดแค่ 0.1% ถือว่าไม่มาก นัดถกนายแบงก์หารือร่วมกัน เพื่อประเมินความเสียหายและหาข้อมูลเพิ่มเติม
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเบื้องต้น พบว่า ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ 23,000 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.3%ของสินเชื่อทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยอดสินเชื่อดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) แต่หากสุดท้ายแล้วอยู่ในกรณีเลวร้าย คือ เป็นหนี้เสียทั้งก้อนก็คาดว่าจะกระทบฐานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส เรโช)แค่ 0.1% เท่านั้น ถือว่าไม่มากนัก
นอกจากนี้ ในวันนี้ ธปท.จะเชิญผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและต่างชาติเข้าหารือจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินความเสียหายที่มีต่อธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เพื่อนำข้อมูลเป็นแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป
ประกอบกับเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากในปัจจุบัน ธปท.ได้เก็บข้อมูลเฉพาะที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าในวงเงินมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ยังขาดข้อมูลสินเชื่อรายย่อยที่มีการปล่อยกู้ในวงเงินที่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จึงเป็นการเก็บข้อมูลให้มีมากขึ้น เพื่อประเมินความเสียหายให้มีความชัดเจน
สำหรับกรณีที่มีลูกค้าธนาคารพาณิชย์บางแห่งร้องเรียนว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องประกาศวันหยุดราชการในวันที่ 19-21 พ.ค.ที่ผ่านมา และมีผลให้ธปท.ได้ประกาศให้ธนาคารพาณิชย์หยุดทำการ ทำให้ลูกหนี้บางรายไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลานั้น ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้มีการหารือกับธนาคาพาณิชย์ถึงกรณีนี้แล้ว โดยธนาคารพาณิชย์จะไม่คิดค่าผิดนัดชำระหนี้ เพราะเข้าใจดีกว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันหยุดในกรณีพิเศษ
ด้านนายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้นัดเวลาหารือกับธนาคารพาณิชย์ในเวลาประมาณ 17.00-18.00 น.เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยในเบื้องต้นมองว่ากระทบไม่มากนัก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ธปท.ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ธนาคาพาณิชย์อยู่เสมอ ประกอบกับขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ในระบบมียอดเอ็นพีแอลไม่มากประมาณ 4.6% และหากมีการหักเงินสำรองออก(เอ็นพีแอลสุทธิ)อยู่ที่ 2.5% และมีบีไอเอส เรโชที่ระดับ 15.9% จึงมองว่าไม่กระทบต่อฐานะและความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์โดยรวม
|
|
|
|
|