|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บอส MILL เผยมี Backlog Order ในมือแล้ว 80,000 ตัน บวกกับราคาเหล็กเริ่มขยับเป็นขาขึ้น อีกทั้งสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ มั่นใจสิ้นปีนี้รายได้แตะ 1.2 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย ส่วนผลงานไตรมาสแรกปีนี้โชว์กำไรพุ่ง 138% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เผยผลประกอบการไตรมาส 2 มีลุ้นขยายตัวดีต่อเนื่อง
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่าในปัจจุบันบริษัทมี Backlog order อยู่ที่ประมาณ 80,000 ตันและยังมีแนวโน้มจะขยับเพิ่มขึ้นได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากขณะนี้ความต้องการใช้เหล็กของลูกค้าในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกงและออสเตรเลีย ยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับราคาเหล็กยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมาก จึงทำให้มั่นว่าในปี 53 จะสามารถผลักดันผลประกอบการของ MILLให้แตะที่ระดับ 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการขยายตัว 10 % ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
" จุดเด่นของ MILL คือผู้ผลิตเหล็กที่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกือบจะครบทุกชนิดสินค้าในแง่ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีที่ตั้งในการส่งสินค้าทั้งในกรุงเทพฯและระยอง ซึ่งเป็นคีย์ในการใช้เหล็ก ขณะเดียวกันบุคลากรของบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการในแง่ของการผลิตมีการบริหารจัดการได้ดีเพราะมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเหล็กมานานช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ ดังนั้น MILL จึงเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั้งในส่วนของสินค้าและบริการที่ไว้วางใจได้ "
นายสิทธิชัยได้กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 53 ที่เพิ่มขึ้น 138.17% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 ว่าเป็นผลมาจากประสิทธิภาพในการบริหารงานที่เพิ่มขึ้น รายได้จากการขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น และ MILL ยังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศไปพร้อม ๆ กับพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มี Value Added และตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด นอกจากนั้นก็ยังมุ่งดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุมด้วยการลดต้นทุนในการผลิตให้ต่ำที่สุด เพิ่มมาตรการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมุ่งสร้างสรรค์กิจกรรมและความสัมพันธ์อันดี เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมโดยรวมด้วย พร้อมกับให้ทั้งธุรกิจและสังคมเติบโตและพัฒนาควบคู่ไปด้วยกัน
" ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 138% เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคนเพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นให้มากที่สุด ผนวกกับช่วงที่ผ่านมาราคาเหล็กเริ่มขยับขึ้นและ MILL ก็สามารถบริหารจัดการในเรื่องต้นทุนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ และแนวโน้มในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่ายังจะขยายตัวดีต่อเนื่องจากปัจจัยบวกที่สนับสนุนไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้เหล็กที่มีต่อเนื่องและการบริหารจัดการภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพของ MILL เอง " นายสิทธิชัยกล่าว
|
|
|
|
|