กทช.เปิดเวทีให้ค่ายมือถือทุกราย เสนอความเห็นหลังใจร้อนมีมติบังคับให้คิดค่าโทร.ในเครือข่าย (ออนเน็ต) เท่ากับค่าโทร.นอกเครือข่าย (ออฟเน็ต) หลังถูกเสียงด่ารอบทิศ เพราะเท่ากับทำให้ค่าโทร.แพงขึ้น ด้านเอไอเอสชี้กทช.ไม่ควรก้าวก่ายกลไกแข่งขันในตลาดเสรี ส่วนดีแทคขอแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ขณะที่ทรูมูฟยันมติอัปยศทำให้ความสามารถในการแข่งขันของรายเล็กลดลง

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) กล่าวว่า วันนี้(26 พ.ค.) เวลา 15.00 น. ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส), บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) , บริษัท ทรูมูฟ , บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย (ฮัทช์) ,บริษัท กสท โทรคมนาคม ในฐานะผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ CDMA ใน 51 จังหวัดภูมิภาคและบริษัท ทีโอที ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3Gจะเข้ามาเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับมติบอร์ดกทช.เมื่อวันที่ 28 เม.ย.53ที่ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกำหนดค่าบริการออนเน็ต (On net) หรือการโทร.ภายในเครือข่าย และออฟเน็ต (Off net)หรือการโทร.ภายนอกเครือข่ายในอัตราเดียวกัน

ที่ผ่านมาบอร์ดกทช.ได้มีมติดังกล่าว เพียงแต่ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายรับทราบเพื่อให้มีผลบังคับใช้ เนื่องจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหลายรายและประชาชนทั่วไปออกมาคัดค้านวงกว้างเพราะเกรงว่าจะทำให้ค่าบริการแพงขึ้นเนื่องจากปัจจุบันโปรโมชันการโทร.ในเครือข่ายถูกกว่าโทร.นอกเครือข่าย

ดังนั้นกทช.จึงให้นายพิทยาพล จันทนะสาโร รองเลขาธิการสำนักงานกทช.จัดเวทีให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้แสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งรวบรวมประเด็นต่างๆเสนอให้บอร์ดกทช.พิจารณาว่าจะต้องปรับปรุงมติดังกล่าวหรือไม่ ในการประชุมบอร์ดกทช.ในสัปดาห์หน้า

นายฐากรกล่าวว่าก่อนหน้านี้ตัวแทน บริษัท ทรูมูฟ ได้เข้าพบนายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ ประธานกทช.โดยได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับมติกทช.ที่กำหนดค่าบริการออนเน็ต และออฟเน็ตในอัตราที่เท่ากันไว้ 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก การคิดค่าบริการอัตราเดียวกันส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันกับผู้ให้บริการรายใหญ่ ของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายเล็กลดลงทันที เพราะไม่สามารถออกโปรโมชันจูงใจลูกค้าได้ เพราะที่ผ่านมาผู้ให้บริการรายเล็กนิยมใช้โปรโมชันออนเน็ต กับ ออฟเน็ต แตกต่างกัน เพื่อจูงใจให้ลูกค้าโทร.ในเครือข่ายมากขึ้นเพื่อลดต้นทุนค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (ไอซี) รวมทั้งเพื่อสร้างฐานลูกค้าให้ใหญ่ขึ้น

ประเด็นที่ 2 ให้ความเห็นว่ามติดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคเนื่องจากค่าบริการโทร.มือถือจะสูงขึ้นเพราะผู้ให้บริการไม่สามารถดั๊มป์ราคาได้ต่ำกว่าต้นทุน ดังนั้นค่าบริการออนเน็ต ออฟเน็ตที่เท่ากันจะต้องเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุนไอซี (ราคาค่าโทร.ต้องสูงกว่านาทีละ 1.07 บาทไม่ว่าจะโทร.ในเครือข่ายหรือนอกเครือข่าย)

นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกลยุทธ์องค์กร ดีแทค ระบุว่าแนวทางดังกล่าวเท่ากับเป็นการควบคุมราคาแบบตายตัว ไม่ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และส่งผลกระทบต่อลูกค้าแน่นอน เพราะราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นย่อมไม่ตรงใจลูกค้า แต่เชื่อว่ากทช.จะเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการทำโปรโมชั่นเพื่อพยุงกลไกการแข่งขันในตลาดเอาไว้บ้างพร้อมทั้งถามถึงกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับมติดังกล่าวว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง

'การเข้าพบกทช.พรุ่งนี้ (26พ.ค.) ดีแทคคงจะเน้นถามถึงหลักในการปฎิบัติตามมติดังกล่าวว่าควรจะดำเนินการอย่างไร เช่นการทำโปรโมชั่นจะทำในลักษณะไหนได้บ้าง โปรโมชั่น โทร.ตามช่วงเวลา หรือ โทร.ฟรียกก๊วนแบบทรูมูฟ ที่จ่ายเงินก่อนมาจำนวนหนึ่ง แล้วโทร.ในเครือข่ายได้ทั้งวัน หรือโปรโมชั่นโทร.หนึ่งนาทีแถมหนึ่งนาที สามารถทำได้หรือไม่ ส่วนโปรโมชั่นเดิมที่ทำอยู่ต้องยกเลิกหรือไม่ และการทำโปรโมชั่นผู้ประกอบการจะต้องส่งรายละเอียดให้กทช.พิจารณาก่อนหรือไม่'

นอกจากนี้จะเสนอให้กทช.คำนึงถึงผู้ให้บริการรายเล็ก ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างมากเมื่อมติดังกล่าวมีผลบังคับใช้เพราะจะทำให้อำนาจการแข่งขันของรายเล็กลงลดทันที

นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสมีความเห็นว่า กทช.ควรจะปล่อยให้การแข่งขันของอุตสาหกรรมนี้เป็นไปตามกลไกของตัวมันเองเพราะที่ผ่านมากลไกการแข่งขันของประเทศไทยมีประสิทธิภาพดีแล้ว ขณะเดียวกันกทช.ควรจะเข้ามากำกับดูแลกลไกการแข่งขันนี้ให้น้อยที่สุดด้วยการกำหนดเพดานราคาสูงสุดเอาไว้ก็พอที่เหลือให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ และควรหันไปสนใจเรื่องสำคัญๆอย่างเรื่องค่าเชื่อมโครงข่าย (ไอซี )ที่จนถึงป่านนี้ยังไม่มีข้อสรุป

'กทช.ไม่ควรเสียเวลาทำเรื่องหยุมหยิม ควรหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องใหญ่ๆดีกว่า เข้าใจว่ากทช.มีความตั้งใจดีเกินไป หวังลดค่าโทร.ออฟเน็ตให้เท่ากับออนเน็ต ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับแห่มาซื้อหุ้นบริษัทเพราะในเชิงธุรกิจเขาคิดว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นเพราะได้ขึ้นค่าโทร. ที่ตามหลักธุรกิจการขึ้นราคาจะต้องเป็นราคาเท่าต้นทุน นั่นคือปรับค่าโทร.ออนเน็ตให้เท่ากับออฟเน็ต”

อย่างไรก็ตามเอไอเอสมองว่าแนวโน้มอนาคต วอยซ์จะถูกขายเป็นแพคเกจแบบบุฟเฟ่ต์แถมฟรีไปกับบริการดาต้าหรือบริการสื่อสารข้อมูล เพราะเทคโนโลยีกำลังวิ่งเข้าสู่วอยซ์โอเวอร์ไอพีหมดแล้ว