Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2536
GSM โทรฯ เคลื่อนที่ระบบใหม่..ผันที่ "ชินวัตร" จะย่อโลกด้วยมือถือ             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส - AIS

   
search resources

แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส, บมจ.
Telecommunications
Mobile Phone




การแข่งขันของผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟว์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส บริษัทในเครือของชินวัตร ผู้รับสัมปทานจากองค์การโทรศัพท์ฯ ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ NMT900 (เซลลูล่าร์ 900) กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ แทค ผู้รับสัมปทานจากการสื่อสารฯ เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ AMPS 800 (เวิร์ลโฟน) นับวันยิ่งดูจะเข้มข้นมากขึ้น

การแข่งขันนี้กำลังจะยกระดับขึ้นไปต่อสู้กันด้วยเทคโนโลยีในต้นปีหน้า ด้วยการนำเอาระบบ "ดิจิตอล" เข้ามาแทนระบบ "อนาล็อก" ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

โดยทางเทคนิคแล้ว ระบบดิจิตอลมีคุณสมบัติที่ดีกว่าระบบอนาล็อคอยู่หลายประการ เช่น คุณภาพของเสียงที่ชัดเจนกว่า ความสามารถในการเพิ่มช่องความถี่ที่มีความจำกัดในระบบอนาล็อค เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนช่องความถี่ได้

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง ซึ่งจะพลิกโฉมการสื่อสารในบ้านเราได้ก็คือ ระบบดิจิตอล สามารถให้บริการการส่งข้อมูลผ่านความคลื่นความถี่วิทยุ เช่นเดียวกับการส่งผ่านสายโทรศัพท์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นอกเหนือจากการเป็นพาหนะนำเสียงที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว

"ในทางเทคนิคระบบดิจิตอล สามารถทำอะไรๆ ได้มากกว่าและดีกว่า อย่างเช่น เสียงที่สนทนาระหว่างกันจะมีความคมชันกว่า คือเสียงพูดจะถูกเปลี่ยนมาเป็นคลื่นสัญญาณดิจิตอลที่มีคลื่นความถี่ที่คงที่ และเมื่อเกิดเสียงรบกวนที่สอดแทรกเข้ามาระหว่างการส่งสัญญาณในอากาศ เครื่องรับ-ส่งจะสามารถแยกสัญญาณตัดเสียงรบกวนออกสัญญาณที่ออกมาจึงมีความคมชัด ซึ่งในระบบอนาล็อคที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มช่องสัญญาณความถี่ คือจะเพิ่มได้เป็น 1:8 คือ 1 ช่องสัญญาณเดิมที่ใช้กันอยู่ในระบบอนาล็อก แต่ระบบดิจิตอบสามารถทำให้มีเครื่องโทรศัพท์หรือเครื่องลูกข่ายได้ถึง 8 เครื่อง โดยการนำ 1 ช่องสัญญาณที่มีอยู่เดิมในระบบอนาล็อคมาซอยออกเป็น 8 ช่วงเวลา ในหนึ่งช่องจึงสามารถเพิ่มช่องความถี่ได้มากขึ้นเท่ากับว่าในอนาคตการขาดแคลนเลขหมายจะหมดไป และสามารถรองรับการขยายตัวได้มากขึ้น" ผู้เชี่ยวชาญระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ท่านหนึ่ง เล่าให้ฟัง

โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอลที่ใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบัน และมีผู้ให้บริการในเชิงพาณิชย์แล้วมีด้วยกัน 2 ระบบ คือระบบ PCN และระบบ GSM ซึ่งมีผู้ให้บริการส่วนใหญ่อยู่ในประชาคมยุโรป

สำหรับในประเทศไทย จะมีการนำทั้ง 2 ระบบเข้ามาเปิดบริการเช่นเดียวกัน คือ ทางด้าน "แทค" ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ AMPS800 (เวิลด์โฟน) ในปัจจุบันจะนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล ที่เรียกว่าระบบ PCN (PERSONAL COMMUNICATION NETWORK) เข้ามาติดตั้งให้บริการส่วนทาง "เอไอเอส" ของชินวัตรที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ NMT 900 หรือเซลลูล่าร์ 900 จะนำระบบที่เรียกว่า GSM (GLOBAL SYSTEM FOR MOBILE COMMUNICATION) มาให้บริการ

"ในทางเทคนิคแล้วโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 2 ระบบนั้นมีลักษณะเช่นเดียวกัน จะแตกต่างกันตรงที่การพัฒนาของรูปลักษณะตัวเครื่อง และที่คลื่นความถี่ที่นำมาใช้เท่านั้น โดย GSM จะใช้คลื่นความถี่ที่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นความถี่เดียวกันกับระบบปัจจุบันที่ทางเอไอเอสใช้อยู่ ส่วน PCN จะใช้คลื่นความถี่ที่ย่าน 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นย่านความถี่ใหม่" ผู้เชี่ยวชาญคนเดียวกันอธิบายถึงการใช้ความถี่ของระบบดิจิตอล ที่ทั้ง 2 บริษัทมีโครงการว่าจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ในราวต้นปีหน้า

อิริค วอน เอสเชน ผู้จัดการฝ่ายระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัท อิริคสัน เทเลโฟน คอร์ปอเรชั่น ฟาร์อีสท์ จำกัดและบริษัท อีริคสัน คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซัพพลายเออร์ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเป็นบริษัทหนึ่งที่พัฒนาระบบของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบดิจิตอล ได้ให้ความเห็นว่า

โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอลที่มีผู้ให้บริการอยู่แล้วนั้นระบบ GSM เป็นระบบที่มีผู้ให้บริการและผู้ใช้มากกว่าระบบ PCN เพราะถ้าเปรียบ GSM ถือกำเนิดจากความร่วมมือของรัฐบาลในแต่ละประเทศถึง 18 ประเทศ ที่เริ่มต้นในกลุ่มประเทศ NORDIC และขยายออกไปทั่วยุโรป ส่วน PCN นั้นเกิดมาตามแรงผลักดันของตลาดซึ่งภาคเอกชนเป็นผู้ให้กำเนิดขึ้นมา มีใช้กันในบางประเทศ

ความเหลื่อมล้ำที่มองเห็นได้ชัดเจนในเบื้องต้นคือ อำนาจของการรวมกลุ่ม ซึ่งทางการพาณิชย์นั้น ทำให้ผู้ที่ทำการซัพพลายเออร์ในระบบและผู้ผลิตเครื่อง อย่างเช่น โมโตโลล่า อิริคสัน โนเกีย ฟิลิปส์ อัลคาเทล ฯลฯ หันมาให้ความสนใจในการพัฒนาระบบ GSM มากกว่า จึงทำให้หลายประเทศได้นำระบบ GSM นี้มาใช้

"การที่ทางเอไอเอสตัดสินใจเลือกมาใช้ระบบของ GSM ก็คือว่าเป็นระบบที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย และมีซัพพลายเออร์ ที่จะมาให้บริการอุปกรณ์และติดตั้งระบบมีมากกว่าในแง่นี้จะเป็นความได้เปรียบในเชิงการตลาดและง่านต่อการพัฒนาระบบในอนาคต เพราะเป็นระบบที่ใหญ่" สมประสงค์ บุญยะชัย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของเอไอเอส บริษัทในเครือชินวัตร กล่าว

โดยขณะนี้ระบบ GSM ในเมืองไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น แต่โครงการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำระบบนี้มาใช้มีมาเกือบ 10 ปีแล้ว เพราะทางเอไอเอสเพิ่งได้รับอนุญาตจากองค์การโทรศัพท์ฯ แผนการในขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาซัพพลายเออร์ในส่วนที่จะสนับสนุนระบบเครือข่ายให้กับเอไอเอส ซึ่งมีซัพพลายเออร์ของ GSM ทั่วโลกได้ยื่นเสนอเข้ามา เช่น โมโตโลล่า โนเกีย อัลคาเทล อีริคสัน ซีเมนต์ ฯลฯ คาดว่าประมาณเดือนสิงหาคมปี 2536 นี้ จะมีการสรุปผลและทำการเลือกผู้ซัพพลายระบบให้ ในราวต้นปี 37 จะเริ่มทดลองใช้ได้ และจะเปิดบริการในเชิงพาณิชย์หากได้รับสนใจจากผู้ใช้

ความโดดเด่นของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ GSM นอกจากจะให้สัญญาณเสียงที่มีความคมชัดแล้ว ยังมีคุณสมบัติอีกมากมายที่จะให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้ อย่างเช่น ระบบการรักษาความปลอดภัยในการถูกดักฟังและการถูกแอบพ่วงหมายเลขทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

โดยโทรศัพท์ระบบนี้จำต้องมีอุปกรณ์ 2 ส่วนมาประกอบกันคือ ตัวเครื่องกับ SIM CARD (SIM CARD ถือเป็นหัวใจของเครื่อง) ตัวเครื่องมีลักษณะเช่นเดียวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่ว ๆ ไป ส่วนตัว SIM CARD มีลักษณะคล้าย ๆ กับบัตร ATM หรือที่เรียกกันว่า สมาร์ทการ์ด เพียงแต่ SIM CARD นั้น จะเป็นเหมือนไมโครชิป ในขณะที่สมาร์ทการ์ดนั้นเป็นแถบแม่เหล็ก

ภายใน SIM CARD จะบรรจุข้อมูลของผู้เป็นเจ้าของเครื่อง และรหัสประจำตัวต่าง ๆ เช่นเขตพื้นที่ของการจดทะเบียนของเครื่อง รหัสประจำตัวของผู้ใช้ สำหรับการใช้เครื่อง ทั้ง 2 จำต้องใช้ร่วมกันเพื่อให้ความสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้คือจะทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ GSM ทุกเครื่องจึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แตกต่างจากโทรศัพท์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป

และนอกจากนี้ตัว SIM CARD สามารถถอดออกมาและไปใช้กับเครื่องอื่น ๆ ได้ทุก ๆ เครื่อง เพราะตัวที่สำคัญอยู่คือ SIM CARD เพียงนำมาประกอบกันเข้าเครื่องก็จะเปลี่ยนหมายเลขตามเจ้าของ SIM CARD สมประสงค์ เล่าถึงคุณสมบัติที่เด่นในตัวของระบบ GSM ที่ค่ายชินวัตรเลือกมาให้บริการ

ในปัจจุบันการรวมตัวของผู้ให้บริการทั่วโลกเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่กลุ่มประเทศ NORDIC และ เนเธอแลนด์ ได้เชื่อมระบบเครือข่าย GSM ระหว่างกันจนขยายตัวไปสู่ประเทศในยุโรปเกือบทุกประเทศแล้วในปีนี้

"การรวมตัวของผู้ให้บริการระบบ GSM ภายใต้วัตถุประสงค์คือ ต้องการพัฒนาระบบนี้ให้ก่อประโยชน์มากที่สุดระบบนี้ให้ก่อประโยชน์มากที่สุด การที่เราเข้าเป็นสมาชิกก็จะได้รับซอฟแวร์สำหรับมาใช้บริการในระบบนี้ ซึ่งเขาจำกัดว่าจำต้องเป็นประเทศสมาชิกเท่านั้น และนอกจากนั้นองค์กรนี้มีโครงการที่จะเชื่อมระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ GSM นี้เข้าด้วยกัน (INTERNATIONAL ROAMING) ในปี 2537 ซึ่งจะมีหน่วยงานกลางที่จะเข้ามาเป็นคนดูแลการใช้ในระบบอินเตอร์ เช่น การเก็บค่าบริการระหว่างประเทศสมาชิก" สมประสงค์ กล่าวอย่างมั่นใจถึงอนาคตของระบบ GSM

ฉะนั้นแล้วคงอีกไม่นานที่นักธุรกิจไทยจะติดต่อสื่อสารระหว่างกันด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 2 อาจจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ ณ ส่วนใดของโลก เพราะการสื่อสารด้วยอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ได้รับการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เรียกว่าระบบ GSM จะทำให้ฝันที่ชินวัตรจะกลายเป็นผู้นำในการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นความจริงขึ้นมาได้ เพราะการย่อโลกให้เล็กลงด้วย อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่เรียกกันทั่วไปว่า "มือถือ"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us