Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2536
ป่าพรุที่หาดไม้ขาว ทาบทับด้วยเงาของหงษ์หยก             
 


   
search resources

ภูมิศักดิ์ หงษ์หยก
Environment




ป่าพรุหรือป่าทางภาคใต้ที่อยู่ในที่ลุ่มมีน้ำขังทั้งบนผิวดินหรือใต้ดิน ป่าพรุที่ภูเก็ตกำลังเป็นข้อพิพาทที่อยู่บนพื้นฐานความขัดแย้งระหว่างแนวความคิดเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้ข้ออ้างเรื่องการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญ

ยุวัฒน์ วุฒิเมธี ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นตัวตั้งตัวตีผลักดันโครงการขุดลอกป่าพรุ 3 แห่ง ที่ตำบลไม้ขาวคือ พรุหลังวัดไม้ขาว พรุจิก และพรุเจ๊ะสัน ให้เป็นอ่างเก็บน้ำและสร้างถนนกว้าง 8 เมตรเข้าไปในป่าพรุเจ๊ะสัน เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบของ "มินิดิสนีย์แลนด์"

โครงการนี้ได้รับการคัดค้านอย่างหนักทั้งจากคนท้องถิ่นรวมทั้งนักวิชาการ และกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ คนตำบลไม้ขาวส่วนใหญ่ยืนยันว่า ไม่เคยมีการขาดแคลนน้ำในหมู่บ้านเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคน จนกระทั่ง 2 ปีที่ผ่านมา มีการขุดลอกพรุขึ้นเริ่มจากพรุทุ่งเตียน พรุจืด และพรุยาว เป็นผลให้น้ำในบ่อของชาวบ้านแห้งลง เพราะน้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำและกว้างกว่า

อีกทั้งชาวบ้านต้องเสียแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่สำคัญ เสมือนหนึ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ทำให้ความเป็นอยู่ของคนบ้านไม้ขาวลำบากขึ้น นอกจากนั้นน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ขุดลอกพรุยาวเมื่อปีที่แล้ว กลับมีสภาพเป็นฟองและมีรสเปรี้ยว

ส่วนนักวิชาการและกลุ่มอนุรักษ์ได้เรียกร้องขอให้ชะลอโครงการไว้ก่อน เพราะกว่าธรรมชาติจะสร้างป่าพรุขึ้นได้ต้องอาศัยเวลาเป็นพันปีในการทำให้แอ่งน้ำเค็มที่เกิดจากกระแสน้ำทะเลพัดทรายมาถมตามริมฝั่ง จะกลายเป็นน้ำกร่อยและที่สุดกลายเป็นน้ำจืด เมื่อพืชล้มลุกจำพวกหญ้าและกกที่ขึ้นตามขอบแอ่งน้ำตื้นเขินไม้ยืนต้นไม้พุ่มจึงเจริญงอกงามแทนหญ้าจนกลายเป็นป่าพรุ

ประกอบกับป่าพรุผืนนี้อุดมด้วยสัตว์น้ำ นกนักร้อยชนิดตลอดจนพืชสมุนไพรและพืชใช้สอย ที่ยังไม่เคยมีการศึกษาถึงพันธุ์พืชและสัตว์เหล่านี้เลย

เดิมป่าพรุของตำบลไม้ขาวมีทั้งหมด 10 พรุ อยู่ตรงกลางระหว่างป่าสนผสมป่าสันทราย กับพื้นที่สวนมะพร้าวของชาวบ้าน พรุเหล่านี้จะอยู่เรียงรายใกล้เคียงกันเลียบขนานกับชายหาด เริ่มจากพรุเป็ดน้ำ พรุทับเคย ซึ่งปัจจุบันไม่มีลักษณะของป่าพรุแล้ว เพราะถูกถมเพื่อขยายท่าอากาศยานของจังหวัด

ถัดมาเป็นพรุยายรัตน์ ไม่มีสภาพของป่าพรุเช่นกัน เพราะเจ้าของที่ดินปรับพื้นที่เป็นสวนมะพร้าว ส่วนพรุที่เหลืออีก 7 พรุ ได้แก่พรุทุ่งเตียน พรุหลังวัดไม้ขาว พรุจืด พรุยาว พรุแหลมหยุด พรุจิก และพรุเจ๊ะสัน

บริเวณที่ดินรอบ ๆ ป่าพรุมีทั้งที่ดินของชาวบ้านและที่ดินของเอกชนที่ได้กรรมสิทธิ์มาจากการซื้อขายจากชาวบ้าน เพื่อเก็งกำไรในยุครัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เพราะนอกจากท่าฉัตรไชยแล้วก็มีหาดไม้ขาวที่ยังคงความบริสุทธิ์แห่งเดียวของเกาะภูเก็ต

อย่างไรก็ดี กรรมสิทธิ์ของเอกชนในที่ดินบริเวณนี้เช่นตระกูลวาณิช ตระกลูเทพบุตร และราชัน กาญจนะวณิชย์ ยังถือว่าเป็นส่วนน้อยมีเพียงไม่เกินคนละ 100 ไร่ เมื่อเทียบกับที่ดินนับพัน ๆ ไร่ของตระกูลหงษ์หยก ที่อยู่ในความดูแลของภูมิศักดิ์ หงษ์หยก นายกเทศมนตรีคนปัจจุบันหรือชาวภูเก็ตเรียกกันติดปากว่า "โอมี่"

ที่ดินมรดกบริเวณนี้ ตระกูลหงษ์หยกซื้อมาจากบริษัทไซมีส ทิน เป็นบริษัททำเหมืองแร่ในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นสวนมะพร้าวและสวนยางมีเนื้อที่ส่วนหนึ่งอยู่ติดกับบริเวณโครงการขุดลอกพรุจิก ซึ่งเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกับที่ถนนจะตัดผ่านเข้าสู่พรุเจ๊ะสัน

"การขุดลอกพรุเป็นโครงการของจังหวัดทั้ง 7 พรุ และบางพรุเช่นที่พรุจิกและพรุเจ๊ะสันทางจังหวัดขอตัดถนนบนที่ดินของบริษัทเข้าไป เราบอกว่าให้ใช้ประโยชน์ได้ เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมบริเวณนี้ให้เหมาะสมเป็นสิ่งที่เราควรจะทำ มิใช่ปล่อยไว้เฉย ๆ บางทีไม่ใช่ว่าจะดีขึ้น อาจจะเสื่อมโทรมลงก็ได้" ภูมิศักดิ์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริหารบริษัทอนุภาษและบุตร

ภูมิศักดิ์ เป็นทายายรุ่นหลานของตระกูลหงษ์หยก ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ที่คนภูเก็ตรู้จักดี ต้นตระกูลคือหลวงอนุภาษภูเก็ตการ ผู้ริเริ่มทำเหมืองสูบเป็นรายแรกของไทย เมื่อปี 2482 ภายใต้ชื่อบริษัทจินหงวน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทอานุภาษและบุตร

หลวงอานุภาษภูเก็ตการเป็นเจ้าของเหมืองแร่ถึง 6 แห่ง มีที่จังหวัดพังงา 3 แห่ง ที่สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง และที่ภูเก็ต 2 แห่ง คือ เหมืองเจ้าฟ้าและเหมืองตีนแล นอกจากนี้แล้วยังมีโรงงานทำน้ำมันมะพร้าว โรงงานทำสบู่ โรงน้ำแข็ง โรงกลึงโรงไฟฟ้าท่าเรือคลองจีน และเรือเดินทะเลชื่อทุ่งคา ตลอดจนเป็นเจ้าที่ดินสวนมะพร้าวและสวนยางที่ตำบลไม้ขาว

ความมั่นคั่งของตระกูลหงษ์หยกราบรื่นยาวนานต่อเนื่อง 40 ปีเศษ ก็ต้องมาเผชิญปัญหาการขาดทุนในรุ่นหลานเพราะกิจการเหมืองแร่ที่เคยเป็นได้หลักของตระกูลกลายเป็นกิจการขาดทุนเดือนละล้านบาท เนื่องจากวิกฤติการณ์ราคาแร่ดีบุกโลกตกต่ำในราวปี 2528-2529 ทำให้กิจการเหมืองส่วนใหญ่ในภูเก็ตต้องปิดเหมืองลงรวมถึงเหมืองของตระกูลหงษ์หยกด้วย

จากภาวะหนี้สินที่รุมเร้าภูมิศักดิ์หาทางออกด้วยการบุกเบิกกิจการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองวิถีชีวิตของคนภูเก็ตในยุคของธุรกิจท่องเที่ยวเฟื่องฟู ได้แก่ เป็นบริษัทตัวแทนขายรถยนต์มาสด้าและฮอนด้า กิจการค้าปลีกปั้มน้ำมันเชลล์ 2 แห่ง และสร้างสนามกอลฟ์มาตรฐาน 18 หลุมแห่งแรกของภูเก็ต ชื่อว่า "ภูเก็ตคันทรีคลับ" บนที่ดินเหมืองแร่ 1,500 ไร่ของครอบครัว

ความเป็น "นายเหมืองใหญ่" ของตระกูลหงษ์หยกจึงจบลง ก้าวสู่บทบาทใหม่คือนักธุรกิจพัฒนาที่ดินจากผืนดินมรดกของตระกูล

หลังจากที่ภูมิศักดิ์ประสบความสำเร็จจากภูเก็ตคันทรีคลับแล้ว เขามีแผนพัฒนาที่ดินของตระกูลอีกหลายโครงการซึ่งหนึ่งในโครงการได้แก่ โรงแรมขนาดใหญ่ประมาณ 500 ห้อง บริเวณที่ดินชายทะเลหาดไม้ขาว

"ตอนนี้เราชะลอโครงการโรงแรมไว้ก่อน เราเคยขอบัตรส่งเสริมการลงทุน และเราก็คืนไปเพราะว่าจำนวนห้องพักมากขึ้น และภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกไม่แน่นอน ก็คงต้องรอจังหวัะภูมิศักดิ์เล่าความคืบหน้าของโครงการสร้างโรงแรมบนบริเวณที่ดินต่อเนื่องกับพรุจิก

ว่ากันว่าผู้ที่เสนอโครงการตัดถนนและพัฒนาที่ดินบนพรุเจ๊ะสันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจนสภาจังหวัดภูเก็ตเอออาห่อหมกรับมาเป็นโครงการของสภาฯ เองนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นกำนันคนหนึ่งซึ่งคนหาดไม้ขาวรู้ดีว่าเป็นหนึ่งในผู้ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจของตระกูลหงษ์หยกนั่นเอง

หากโครงการนี้สำเร็จแน่นอนว่าโรงแรมบนหาดไม้ขาวของหงษ์หยกได้เกิดอย่างสบาย ๆ เพราะถนนสายใหม่ที่ตัดผ่านพรุเจ๊ะสัน และแหล่งท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น จะเป็นตัวเปิดบริสุทธิ์หาดไม้ขาว โดยที่หงษ์หยกไม่ต้องกระโดดลงไปเผชิญหน้ากับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยตรง อย่างน้อยที่สุดราคาที่ดินก็จะต้องเพิ่มมูลค่าขึ้นหลายเท่าตัว หากไม่คิดจะเดินหน้าทำโรงแรมต่อไป

เล่นกันครบองค์ประกอบอย่างนี้ มีนายกฯ เป็นเจ้าของที่ดิน กำนันเป็นคนชงเรื่องสภาฯ รับลูก ผู้ว่าฯ อนุมัติ แล้วป่าพรุที่หาดไม้ขาวจะไปเหลืออะไร

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us