Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน24 พฤษภาคม 2553
ชิ้นส่วนอิเล็กฯฟันกำไรรวม2.4พันล. อานิสงส์ศก.ฟื้นความต้องการสินค้าพุ่ง             
 


   
search resources

Electronic Components




กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไตรมาสแรกปีนี้อวดกำไรรวม 2,407 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปี 52 ที่ทำได้ 1,310 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 84% เหตุความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มและการผลิตที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาดดัน กำไรขั้นต้นสูง DELTA พระเอกตลอดกาลของกลุ่ม ขณะ HANA CCET และ KCE กำไรเติบโตโดดเด่น ส่วนที่เหลือขยับฟื้นตัวชัดเจน

KCE -SPPT ฟื้นตัวชัดเจน

บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE งวดนี้กำไรพุ่ง 252% โดยพบว่ามีกำไรสุทธิ 180.9 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 119.4 ล้านบาท ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นนั้นมาจากยอดขายสูงขึ้นแตะ 1,857.7 ล้านบาท(เทียบเท่า 56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้น 68 % จากยอดขาย 1,102.6 ล้านบาท (เทียบเท่า 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสเดียวกันของปี 52 ขณะที่อยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และไตรมาสแรกปีนี้ความต้องการในสินค้า PCB (Demand) ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ปกติไตรมาสนี้ไม่ใช่ฤดูกาลขาย(Season) ของธุรกิจ ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 7 % ไตรมาสต่อไตรมาส อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวในระดับสูงที่ 24.4 % แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเริ่มมีการปรับราคาวัตถุดิบที่สำคัญและมีการใช้กำลังการผลิตโดยรวม อยู่ที่ 90 % เนื่องจากบริษัทย่อย เคซีอี อินเตอร์เนชั่นแนล ที่กลับมาเปิดดำเนินการยังไม่ได้ใช้กำลังการผลิตเต็มที่ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT กำไร 42 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกปี 52 ขาดทุน 25 ล้านบาท หรือฟื้นกำไร267% เพราะตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นงวดนี้เพิ่มขึ้นจากขาดทุน 3% ของปีก่อน เป็นอัตรา 22% เพราะประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิต และต้นทุนวัตถุดิบได้ดี บริษัทสามารถกลับมาเดินเครื่องจักรได้เต็มกำลังการผลิต ปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้นกว่า 90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอยู่ในขนาดของการผลิตที่เหมาะสม และ ประหยัด (Economy of Scale) ส่วนผสมของการขาย (Sales mix) ของกลุ่มสินค้า CE&E ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น

โดยยอดขายไตรมาสนี้มี 206.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 63.40 ล้านบาท หรือ 40% ยอดขายเพิ่มขึ้นตามการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้อุตสาหกรรมอีเล็กทรอนิกส์สดใส ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นและรายได้เติบโตอีกทั้งผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และจากหลักทรัพย์เพื่อค้า ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น ด้านต้นทุนขายลดลงจากประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนการผลิตดังที่กล่าวมาแล้ว

DELTA-CCET-HANA เติบโตต่อเนื่อง

บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) จากัด (มหาชน) หรือ DELTA งวดนี้กำไร 894 ล้านบาท สูงกว่าปี 52 ที่ทำไว้ 511 ล้านบาท เนื่องจาก อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกปี 53 ปรับตัวสูงขึ้น 1.8 % จาก 25.9 % ของไตรมาสแรกปี 52 เป็น 27.7% หรือเพิ่มขึ้น 75% ส่วนค่าใช้จ่ายจากการขายและดำเนินงาน ( SG&A )เพิ่มขึ้น แต่จากการที่บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายเพิ่มสูงขึ้น ทำ ให้อัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายลดลงเล็กน้อย ส่วนค่าวิจัยและพัฒนา ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

ขณะยอดขายงวดนี้เพิ่มขึ้น 18.7 % จากจำนวน 6,359 ล้านบาทของไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 7,545 ล้านบาทในไตรมาสนี้เนื่องจากในปัจจุบันมีความต้องการในตลาดสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างสูง ซึ่งบริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นเกือบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ (ประกอบด้วยพัดลมระบายความร้อนและ EMI filter) นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม IT Power ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 55% และกลุ่มของDC-DC converter และ DES ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 25-30% ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์Telecom Power กลับมียอดขายลดลงกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบแต่อย่างไรก็ดีบริษัทฯคาดว่าประมาณไตรมาสที่สอง หรือสามของปีนี้สถานการณ์ดังกล่าวอาจจะคลี่คลายขึ้นตามลำดับ

HANA หรือบริษัท บริษัทฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) งวดนี้กำไรโต 197% กล่าวคือมีกำไรสุทธิ 597.40 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 201.20 ล้านบาท ผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ Operating Leverage สูงขึ้น จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น

โดยในไตรมาสที่ 1/2553 มียอดขายรวมเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น 49 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนคือ 3.92 พันล้านบาทในไตรมาส 1/53 เมื่อเทียบกับ 2.64 พันล้านบาทของไตรมาส 1/52 รายได้จากการขายในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 60 % คือ 119.3 ล้านเหรีญสหรัฐ ในไตรมาส 1/53 เทียบกับ 74.6 ล้านเหรียญสหรัฐของไตรมาส 1/52 เนื่องจากตลาดฟื้นตัวมาที่ระดับใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของปี 51 อัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยของเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/53 แข็งค่าขึ้น 7 % เท่ากับ 32.9 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 35.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 1/52 ส่งผลให้ยอดขายในรูปสกุลเงินบาทเพิ่มขึ้นนั้นน้อยกว่าเมื่อเทียบปีต่อปี

SVI หรือ บริษัท เอส วี ไอ จำกัด (มหาชน) ไตรมาสนี้กำไรขยับเพิ่ม 173 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 153 ล้านบาท กำไรเพิ่มไม่มากเพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะยอดขายงวดนี้มีมูลค่า 55 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,797 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอดขายไตรมาสหนึ่งปี 52 และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นลดลง 3.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องด้วยค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เป็นผลให้รายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้สัดส่วนกับต้นทุนวัตถุดิบ ขณะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัย จะสูญ

บริษัท มูราโมโต้ อีเล็คตรอน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ METCO แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้พบว่ามีกำไรสุทธิ 119.85 ล้านบาท ขณะงวดเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 183.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 302.9 ล้านบาท หรือ 165 % เหตุกำไรขั้นต้นเพิ่ม 338.08 ล้านบาท หรือแตะ 326.32 ล้านบาท

โดยไตรมาส 2 นี้บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายสินค้า 4,161.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,365.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 131.69 % เนื่องจากยอดขายของผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อกลับมา รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ใหม่คือ LCD Backlight ขณะมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทฯและบริษัทย่อยในไตรมาสที่ 2 นี้ลดลง 168 ล้านบาทจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากเมื่อปีที่แล้วบริษัทมีโครงการสมัครใจลาออกก่อนกำหนด โดยจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย

CCET หรือ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จากัด (มหาชน) งวดนี้โกยกำไร 382 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ทำไว้ 103 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 296% เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายและความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายด้าน ต่างๆได้ดีขึ้น ขณะมีรายได้จากการขาย 27,316.33 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 12.68 % จากการเพิ่มขึ้นของคาสั่งซื้อของสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์ประกอบคอมพิวเตอร์ ขณะต้นทุนขายลดลง ดันให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นผลจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินค้าแบบสาเร็จรูป และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่ำลง

บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC ขาดทุนลดลงจากเดิมที่ขาดทุนอยู่ 7 ล้านบาทเหลือ 2 ล้านบาท หรือลดลง69 % เหตุรายได้จากการขายสูงกว่าไตรมาสแรกปี 52 และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายสูงกว่าปี 52

บริษัท ดราโก้ พีซีบี จำกัด (มหาชน) หรือ DRACO งวดนี้กำไรยังโต 230% จากไตรมาสแรกปี 52 มีกำไรสุทธิ 4.27 ล้านบาท เป็น 14.06 ล้านบาท ด้านยอดขายงวดนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 38 % อันเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นทำให้ยอดขายของแผ่นพิมพ์วงจรไฟฟ้าที่ใช้ ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์และผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล คโทรนิคส์มีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์พลอยได้ เนื่องจากปริมาณการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นจากคำสั่งซื้อที่ เพิ่มขึ้น ทำให้มีปริมาณเศษแผ่นเคลือบทองแดงที่มีขนาดเล็ก ตลอดจนสารเคมีที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตที่มีส่วนผสมของทองแดงมีมาก ขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนต้นทุนขายลดลง เนื่องจากปริมาณการผลิตจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน บริษัทก็มีการบริหารต้นทุนคงที่ต่างๆ อย่างเคร่งครัด ทำให้อัตราส่วนต้นทุนขายต่ำลง

ขณะที่TEAM หรือ บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทเดียวในกลุ่มที่มีผลงานกดำเนินงานงวดนี้กำไรลดลง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น กล่าวคือเล็กน้อยจากเดิมที่ทำไว้ 2.93 ล้านบาทเหลือ 1.61 ล้านบาทหรือลดลง 45 % เพราะอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในไตรมาสนี้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 52 และการเข้าไปแข่งขันในตลาดสินค้าที่มีการแข่งขันด้านราคาสูง ขณะยอดขายรวมในไตรมาสนี้มี 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้รวมของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า 9.1% เนื่องจากความต้องการสินค้าของลูกค้าของบริษัทที่เพิ่มขึ้นโดยส่วนใหญ่มา จากกลุ่มลูกค้าในเอเซียแปซิฟิก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us