จากที่ดินแปลงประวัติศาสตร์ผืนสุดท้ายบนถนนวิทยุ ซึ่งราคาสูงถึง 2,000 กว่าล้านบาท
ที่เอ็มไทยกรุ๊ป ประมูลได้มาเมื่อ 10 ปีก่อน วันนี้กลายเป็น "ออลซีซั่นส์แมนชั่น"
ห้องชุดที่ราคาต่อตารางเมตรแพงที่สุดในปี 2001
เมื่อประมาณ ปี 2531 เอ็มไทยกรุ๊ป เคยสร้างความฮือฮาให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์เมื่อได้ประมูลที่ดินแปลงสุดท้ายบนถนนวิทยุ
พื้นที่ทั้งหมด 21.5 ไร่ มาได้ในราคาที่สูงประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท เป็นที่ดินติดถนนสายที่สวยสายหนึ่งของกรุงเทพฯ
และที่สำคัญเป็นที่ดินใจกลางเมืองที่หาไม่ได้อีกแล้วบนถนนสายนั้น
เวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี ที่เอ็มไทยกรุ๊ปได้มุ่งมั่นพัฒนาสร้างอาณาจักรกลางกรุง
ซึ่งประกอบ ไปด้วยอาคารสูงที่เป็นโรงแรม ศูนย์การค้า เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
นครินทร์ วีระเมธีกุล ผู้บริหารของเอ็มไทยกรุ๊ป ยืนยันว่า วันนี้ราคาห้องชุดของออลซีซั่นส์
แมนชั่นประมาณ 7.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตรนั้น โดยเฉลี่ยแล้วแพงกว่าโครงการอื่นๆ
ทั้งหมดในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ทำให้รูปแบบของห้องชุดได้มีการปรับเปลี่ยนหลายครั้ง
เพื่อให้สอดคล้องโดนใจลูกค้ามากที่สุด
ตึกหลังนี้มีทั้งหมด 33 ชั้น จำนวนห้องทั้งหมดประมาณ 185 ห้อง ประมาณ 8
ห้องต่อชั้น มีทั้งขนาดสตูดิโอไปจนถึงขนาด 5 ห้องนอน
ห้องชุดที่เห็นในภาพ มีพื้นที่ประมาณ 180 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย ห้องนอน
2 ห้องห้องรับแขก ห้องครัว ส่วนรับประทานอาหาร โดยมีห้องคนดูแลแยกต่างหาก
ราคาทั้งหมดประมาณ 14 ล้านบาท งบประมาณในการตกแต่งอีก 1.7 ล้านบาท ด้วยฝีมือทีมงานของ
พี.49 ที่มีรุจิราภรณ์ หวั่งหลีเป็นผู้ควบคุม ส่วนราคาค่าเช่าประมาณ 9 หมื่นบาทต่อเดือน
ห้องชุดนี้เดิมทีทางโครงการได้ดีไซน์ไว้ว่า ต้องมีห้องนอน 3 ห้อง ต่อมาภายหลังก็ได้เปลี่ยนแปลงเป็น
2 ห้องนอนแทน ทำให้ได้ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 30 ตารางเมตร 1 ห้อง ห้องนอนเล็ก
1 ห้อง และยังทำให้บรรยากาศภายในห้องชุดดูโปร่งสบาย รวมทั้งทำให้ส่วน Living
Room ดูกว้างขึ้นด้วย
ลักษณะของห้องนอนใหญ่อาจจะเป็นจุดขายที่โดดเด่น เพราะถูกดีไซน์ไม่ให้เป็นห้องสี่เหลี่ยมทึบทึม
แต่มีลักษณะเป็นวงรี เล่นเหลี่ยม เล่นมุม กรุกระจกใสตัดแสงบานใหญ่รอบห้อง
นอกจากทำให้แสงสว่างเข้ามาได้ แล้วยังมองออกไปเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ
ได้ชัดเจน
ผนังด้านนอกของห้องนอนเล็กที่เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร ห้องครัว
และห้องรับแขก ถูกกรุด้วยกระจกใส เพื่อลดความอึดอัดของกำแพง และยังมีหน้าต่าง
บานใหญ่กรุด้วยกระจกใสรอบห้อง พร้อมระเบียงเล็กๆ ยื่นออกไปให้ชมวิวกรุงเทพฯ
ในพื้นที่ที่เป็นครัวนั้น เดิมทีถูกกั้นเป็นสัดส่วนมีประตูเข้าออก เพื่อกันกลิ่นของอาหารไทยที่จะลอยออกมา
และได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อให้เป็นแบบของห้องพักที่ดูหลากหลาย ต่างจากห้องพักทั่วๆ
ไป โดยการทุบผนังออกแล้วเปลี่ยนเป็นแพนทรี่เล็กๆ แล้วติดเครื่องดูดกลิ่นแทน
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จะเป็นตัวช่วยเร่งในการตัดสินใจซื้อ เช่น ระบบความปลอดภัย
ระบบบริหารอาคารที่ทันสมัย มีสวนหย่อมลอยฟ้าในพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ มีสระว่ายน้ำ
ห้องออกกำลังกาย โดยค่าส่วนกลาง 30 บาทต่อตารางเมตร จ่าย 3 เดือนเมื่อโอน
หลังจากนั้นจ่ายล่วงหน้าครั้งละ 3 เดือน
ก็คงเป็นอีกโครงการหนึ่ง ที่ผู้ซึ่งต้องการความสะดวกสบายในชีวิตการทำงานใจกลางกรุง
ต้องขอเปิดประตูไปเยี่ยมชมแน่นอน