|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คาดตลาดอสังหาครึ่งปีหลังชะลอตัวไมาก แม้รับปัจจัยลบการเมือง-สิ้นมาตรการอสังหาฯ เอ็น.ซี.ฯเชื่อจัดสรรสต็อกบ้านพร้อมอยู่ติดมือ หลังเหตุปะทะแดงกระทบความเชื่อมั่นลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย คาดปลายปีตลาดแข่งดุจัดสรรแห่อัดแคมเปญระบายสต็อก คาดช่วยสร้างสีสรรตลาด สร้างมูฟเมนต์ตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น ด้านเอ็น.ซี.ยังคงแผนลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ไม่เปลี่ยนแปลงหลังลูกค้ายังซื้อ ต่อเนื่อง
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมรัพย์ในช่วง ครึ่งปีหลังนี้ จะชะลอตัวลงจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองใน ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลและระแวงเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศว่าจะเข้า มากระทบต่อความมั่นคงด้านอาชีพ และกางเงินของผู้บริโภคด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ การสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนภาษี ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำหนอง และธาษีธุรกิจเฉพาะ ยังส่งผลให้เกิดความระแวงของผู้บริโภคว่าผู้ประกอบการในตลาดจะมีการปรับขึ้น ราคาขายที่อยู่อาสัยในทุกประเภทหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี52 ต่อเนื่องถึงต้นปี53 ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าก่อสร้างต่างๆ มีการปรับตัวสูงขึ้นในขณะที่ผู้ประกอบการมีการยืนราคาขายที่อยู่อาสัย โดยไม่ปรับขึ้นาราคาตามต้นทุนใหม่ เนื่องจากยังมีส่วนลดภาษีจากมาตรการดังกล่าวเข้ามาช่วยซับพอร์ตต่นทุน ทำให้ยังยืนราคาขายราคาเดิมได้
“หลังจากที่หมดมาตรการภาษีไปแล้วในช่วงครึ่งปีหลังนี้ผู้ประกอบการจะมีการ ปรับขึ้นราคาขายที่อยุ่อาสัยตามต้นทุนที่ปรังตังสูงขึ้น ทำให้เชื่อว่าผู้บริโภคจะชอะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ในขณะเดียวกันความรุนแรงจากการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้นยังส่ง ผลต่อการตัดสินใจซื้อ หรือใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้มูทหรือความรู้สึก และความต้องการซื้อไม่ดีเหมือนช่วงต้นปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้หากมองในมุมบวกในส่วนของโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ โดยเฉพาะที่อยู่แนวราบในย่านชาญเมืองนั้นถือว่าได้รับปัจจัยบวก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความรุนแรงทางการเมือง และการประกาศกฎอัยการศึก ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ได้นำปัจจัยดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่ อาศัยด้วย ทำให้ลูกค้าสนใจเลือกซื้อที่อยู่อาสัยในย่านชาญเมืองง่ายขึ้นกว่าช่วงก่อน หน้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการที่อยู่อาสัยในย่านใจกลาง หรือใกล้เมือง
“ การประกาศเคอร์ฟิว และความรุนแรงจากการประทะกันของผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ทำให้คนที่อาศัยในย่านเมืองไม่กล้าเดินทางออกนอกที่อยู่อาศัย และยังส่งผลต่อปัญหาการอยู่อาศัย จากการตัดน้ำ ไฟฟ้า และการหาซื้ออาหารรับประทานลำบาก ทำให้ลูกค้าที่เคยคิดจะซื้อที่อยู่อาศัยในเมือง หรือจะตัดสินใจซื้ออนโดมิเนียมในย่านใกล้เมือง ต้องพิจารณาเลือกซื้อบ้านแนวราบในย่านชาญเมืองในทำเลที่สามารถเดินทางเข้า เมืองหรือแหล่งงานได้สะดวกเพิ่มมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวข้างต้น”
นายสมนึกกล่าวว่า ปัญหาความรุนแรง และการสิ้นสุดมาตการภาษีในเดือนพ.ค.นี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอ สังหาฯในระดับหนึ่ง โดยในส่วนของปัญหาความุรนแรงทางการเมืองจะส่งผลให้ผุ้บริโภคชะลอการตัดสินใจ ซื้อที่อยุ่อาศัย แต่ในส่วนของการสิ้นสุดมาตรการภาษี จะทำให้ปัจจัยบวกจากมาตรการที่ช่วยกระตุ้น หรือเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคหายไป ปัญหาคือในช่วงก่อนหน้านั้น ผู้ประกอบการบางส่วนมีการเร่งก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่เพื่อรองรับความต้องการ ซื้อและเร่งโอนของลูกค้าเพื่อให้สามารถส่งมอบหรือโอนบ้านได้ทันก่อนจะสิ้น สุดอายุมาตรการทางภาษี
แต่เมืองลูกค้ามีการชะลอการตัดสินใจซื้อ ในขณะที่ผู้ประกอบการยังมีสต็อกบ้านพร้อมอยู่เหลือติดมืออยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการในช่วงปลายปี เนื่องจากการสร้างสต็อกดังกล่าวใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินทำให้มีดอกเบี้ย ตามมาด้วยเมืองไม่สามารถระบายสต็อกในมือออกไปได้
จากกรณีดังข้างต้นเชื่อว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้จะทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ จำนวนมากมีการจัดแคมเปญกระตุ้นการขายเพื่อเร่ง และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการช่วยระบายสต็อกเก่าออกไป และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นการสร้างความต่อเนื่องของกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจจะส่งผลดีต่อตลาด ช่วยให้ไม่เกิดปัญหาการหดตัวของตลาดมากอย่างที่หลายฝ่ายกังวลกันอยู่ใน ปัจจุบัน
“อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หากผู้ประกอบการมีการออกมาจัดแคมเปยการตลาดเพื่อกระตุ้นและระบายสต็อก จะทำให้ตลาดมีสีสรรใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสแรกของปีได้ แม้ว่าการออกมาจัดแคมเปญดังกล่าวจะส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดมีการแข่ง ขันที่สูงขึ้นแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าตลาดยังมีการเคลื่อนไหวไม่หยุด ชะงักเพราะผลกระทบทางการเมืองอย่างที่หลายท่านกังลว”
นายสมนึกกล่าวว่า สำหรับทิศทางหรือแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท เอ็น.ซี.ฯ ในปีนี้ แม้ว่าจะมีผลกระทบจากการเมืองเข้ามาเป็นปัจจัยลบ แต่บริษัทยังคงยืนนโยบายการพัฒนาโครงการใหม่ตามแผนเดิม เนื่องจากมั่นใจว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งรุนแรง ประกอบกับสินค้าขิงบริษัทเองยังคงได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง
“ผลกระทบการเมืองเชื่อว่าไม่รุนแรงมากนัก เพราะลูกค้ายังมีการตัดสินใจซื้อที่ต่อนเอง แม้แต่ในช่วงที่รับบาลประกาศเคอร์ฟิว นั้นลูกค้าที่เข้ามาชมโครงการยังมีการตัดสินใจซื้ออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมายอดขายของบริษัทยังมีแนวโน้มที่ดี โดยในช่วง3สัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.นี้ บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้กว่า200ล้านบาทจากการจัดแคมเปญและออกบูทที่ห้าง สรรพสินค้าแฟร์ชั่นไอแลนด์”
|
|
|
|
|