|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นางสาวกรนันท์ สุคนธ์ฤทธิกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) WIN ชี้แจงว่าตามที่ผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นการสอบทานงบการเงินแบบไม่สามารถ ให้ความเชื่อมั่นได้และมีข้อสังเกตไว้ในรายงาน และงบการเงินรวมระหว่างกาล สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 53 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 53 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยนั้น ผู้สอบบัญชีได้รายงานในงบการเงินว่า " เนื่องจากความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สืบเนื่องจากบริษัท วินโคสท์ โลจิสติกส์ จำกัด (บริษัทย่อย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 99.9% ได้รับหนังสือจากผู้ให้เช่า โดยขอให้บริษัทย่อยดังกล่าวชำระหนี้ และบอกเลิกสัญญาเช่าโดยให้ผลนับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม52 โดยบริษัทย่อยดังกล่าวจะต้องหยุดประกอบกิจการ พร้อมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้แล้วเสร็จ ภายใน 180 วัน นับแต่วันสัญญาระงับ ซึ่งบริษัทย่อยยังไม่ได้บันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่าสุทธิตามบัญชี 80.88 ล้านบาท เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำให้สัญญาเช่าให้มีผลต่อไป " ดังนั้น บริษัทฯ ชี้แจงดังนี้
1. ผู้สอบทานไม่มีข้อสงสัยในเรื่องตัวเลขของงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31มีนาคม 53 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย กล่าวคือบริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากมีผลขาดทุนสุทธิลดลงถึง 9.26% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เนื่องมาจากการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
2.การที่บริษัทย่อยได้ยื่นคำร้องเพื่อขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อศาล ล้มละลายกลาง และศาลล้มละลายกลางได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทย่อย เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 53 นั้น ทั้งนี้บริษัทย่อยยังมีความตั้งใจที่จะเสนอแผนธุรกิจ และแผนปรับโครงสร้างกับเจ้าหนี้ โดยมีความประสงค์จะยื่นอุทธรณ์เพื่อให้ศาลฎีกาพิจารณาคดีอีกครั้งภายในวัน ที่ 27 พฤษภาคม 53 ตามที่ทนายความได้ทำคำร้องขอขยายระยะเวลาของการอุทธรณ์เพื่อคัดค้านคำสั่ง ศาลชั้นต้นต่อศาลฏีกาแผนกล้มละลายออกไปอีก 30 วัน โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าแผนฟื้นฟูกิจการจะส่งผลให้บริษัทฯสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหา หนี้สินได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถอธิบาย และชี้แจงข้อสังเกตของผู้สอบทานบัญชี ได้ดังนี้
2.1 การบอกเลิกสัญญาเช่าจากผู้ให้เช่า คือการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ระบุวันบอกเลิกสัญญาคือวันที่ 16 ตุลาคม 52 แต่ด้วยเหตุที่บริษัทย่อย ที่เป็นผู้เช่าได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และศาลได้รับคำร้องเพื่อนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ในวันที่ 14 ตุลาคม 52 ทำให้สัญญาดังกล่าวได้คงสภาพโดยอัตโนมัติ (Automatic Stay) รวมทั้งปรากฏว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 53 ทางการนิคมอุตสาหกรรมฯ ได้เรียกเก็บเงินค้ำประกันจากทางธนาคาร ที่ทางบริษัทได้วางไว้กับการนิคมอุตสาหกรรม เมื่อวันเริ่มทำสัญญาเช่า และออกใบเสร็จรับเงินระบุว่าเป็นค่าเช่าพื้นที่ให้กับบริษัท ย่อย ส่งผลให้บริษัทย่อยยังคงสถานะในการครอบครองพึ้นที่เช่าจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2553และด้วยเหตุนี้บริษัทจึงยังไม่ได้บันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สิน ดังกล่าวในงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 53 ด้วย
2.2 สำหรับกรณีการหยุดให้บริการด้านการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟเป็นการชั่วคราว ที่บริษัทย่อยได้หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 52 นั้น หากบริษัทย่อยสามารถบรรลุข้อตกลงกับการนิคมอุตสาหกรรมฯ รวมถึงเจ้าหนี้รายอื่นๆ หรือสามารถอุทธรณ์การเข้าแผนฟื้นฟูกิจการได้เป็นผลสำเร็จ บริษัทย่อยยังมีความตั้งใจที่จะกลับมาให้บริการขนส่งทางรถไฟอีกครั้ง
3. เรื่องหนี้สินการผิดนัดชำระกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งนั้น บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 มกราคม 53 และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 53 ได้มีการผ่อนชำระหนี้ตามแผนการชำระหนี้อย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้บริษัทฯได้รับการปรับสถานะเป็นลูกหนี้ปกติแล้ว
ดังนั้นการที่ผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้และมีข้อสังเกตไว้ใน รายงาน จึงเกิดจากความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่ได้กล่าวข้างต้น
|
|
|
|
|