|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและระบบการดำเนินงาน ที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถดำรงสถานภาพผู้นำในธุรกิจบัตร เครดิต ในการให้อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากผู้ ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.45% ด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบของทางการซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการขยายตัวของสิน เชื่อ รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนด้านการเงินและการ ดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงไทยต่อไป นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการระดมทุนในตลาดทุน รวมถึงการบรรลุแผนระดมทุนจากสถาบันการเงินภายนอกเครือข่ายหลายแห่ง และยังคงดำเนินนโยบายด้านสินเชื่อที่เข้มงวดต่อไป อย่างไรก็ตาม หากผลประกอบการของบริษัทถดถอยลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญก็อาจ ส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทบัตรกรุงไทยไม่น่าจะมีปัญหาสภาพคล่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเว้นแต่บริษัทจะมีการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วโดยใช้เงินทุนจำนวน มากจากแหล่งเงินทุนที่อ่อนไหวต่อความเชื่อมั่น ทั้งนี้ บริษัทสามารถระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้น 18 ,200 ล้านบาทในช่วงเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2552 และได้นำส่วนหนึ่งของเงินที่ได้ไปใช้ชำระคืนหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น ณ เดือนมีนาคม 2553 แหล่งเงินทุนของบริษัทเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงินและเงินจากการออกตราสาร หนี้ โดยการก่อหนี้เกือบทั้งหมดเป็นหนี้ระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 395 ล้านบาทในปี 2552 ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 617 ล้านบาทในปี 2551 อันเนื่องมาจากหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนนโยบายทาง บัญชีเป็นสำคัญ โดยผลกำไรที่สูงในปี 2551 ส่วนหนึ่งมาจากรายได้พิเศษจำนวน 114 ล้านบาทจาก VISA Inc. บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 5 ,604 ล้านบาทในปี 2552 โดยเพิ่มขึ้นจาก 3 ,288 ล้านบาทในปี 2551 และ 2,539 ล้านบาทในปี 2550 บริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยที่ -0.77% และ -6.11% ในปี 2552 โดยลดลงจาก 1.3% และ 9.8% ในปี 2551 ตามลำดับ การแข่งขันที่รุนแรงจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และนโยบายการตั้งสำรองค่าเผื่อ หนี้สงสัยจะสูญที่เข้มงวดขึ้นจะยังคงกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ต่อไป
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทบัตรกรุงไทยยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตได้อย่างต่อ เนื่องด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดของจำนวนบัตรที่ 12.2% ณ เดือนธันวาคม 2552 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 12.7% ณ เดือนธันวาคม 2551 และเพื่อจะลดระดับการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ที่มีโอกาสจะเพิ่มสูงขึ้น ผู้บริหารของบริษัทจึงได้ดำเนินมาตรการป้องกันหลายประการในปี 2551 ได้แก่ การใช้เกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อและนโยบายการจัดเก็บหนี้ที่เข้มงวดขึ้น และมีแผนในการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรในกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น
|
|
|
|
|