“เอสแอนด์พี” วางเป้าหมายรุกหนักต่างประเทศ คาดอีก 3 ปีต้องขยายให้ครบ 25 สาขาทุกแบรนด์รวมกัน พร้อมขยายตลาดประเทศใหม่ๆ ลุยทั้งลงทุนเองและร่วมทุน ล่าสุดทุ่มงบสูงสุดประวัติการณ์ 50 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ที่ลอนดอน แบรนด์ “ภัทรา” มั่นใจสิ้นปีนี้รายได้ต่างประเทศทะลุ 800 ล้านบาท

นางภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายระยะยาวภายใน 3 ปีจากนี้ จะลงทุนขยายสาขาร้านอาหารของทุกแบรนด์ในเครือของเอสแอนด์พีในต่างประเทศให้ ได้รวมเป็น 25 แห่ง จากปัจจุบันที่มีเปิดบริการทุกแบรนด์รวมกันแล้ว 19 แห่ง ทั้งในรูปแบบของการลงทุนเองและการร่วมทุนแล้วแต่กรณี

ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือเอสแอนด์พีที่เปิดบริการในต่างประเทศ รวมจำนวน 19 แห่ง ประกอบด้วย 1.ร้านภัทรา เป็นร้านอาหารไทยระดับบน มี 8 แห่ง คือที่ลอนดอน 4 แห่ง ลงทุนเอง , เจนีวา สิงคโปร์ ปักกิ่ง อย่างละ 1 แห่ง ซึ่งเป็นการร่วมทุน

2.ร้านไทย ร้านอาหารสไตล์ตะวันตก มี 1 แห่งที่กรีซ, 3.ร้านพาทิโอ เป็นร้านอาหารร่วมสมัยไทย-ฝรั่ง จำนวน 2 แห่งที่ไต้หวัน เป็นการร่วมทุน, 4. ร้าน บางกอกแจม ร้านอาหารนานาชาติสไตล์แพนเอเชียน มี 1 แห่งที่สิงคโปร์ 5.ร้านสยามคิทเช่น ซึ่งได้รับเครื่องหมายฮาลาล มี 6 แห่งที่สิงคโปร์ เป็นการร่วมทุน 6.ร้านไทย-พาทิโอ มี 1 แห่งที่มะนิลา เป็นการให้ไลเซนส์

สำหรับแผนงานในปีนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนเปิดร้านอาหารแบรนด์ ภัทรา เพิ่มอีก 1 แห่งที่เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เอส แอนด์ พี โกลเบิล จำกัด ซึ่งสาขาแห่งใหม่นี้ ต้องใช้งบลงทุนสูงกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่มากที่สุดในต่างประเทศของเครือเอสแอนด์พี ตั้งแต่ลงทุนมาก็ว่าได้ อีกทั้งอาคารที่ได้เช่ามานั้นเป็นอาคารเก่าเก่ที่มีอายุนานกว่า 300 ปีแล้ว

ขณะเดียวกันเตรียมที่จะเปิดร้านอาหารแบรนด์สยามคิทเช่นเพิ่มขึ้นอีก เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวมุสลิมในสิงคโปร์อีกแห่ง คาดว่าต้องใช้งบรวม 3 ล้านบาท ขยายร้านอาหารแบรนด์ไทยอีก 1 สาขาที่เจนีวา เป็นต้น อีกทั้งยังมีความสนใจในตลาดใหม่ๆที่จะเข้าไปลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย อินเดีย เวียดนาม กัมพูชา ซึ่งมีผู้สนใจติดต่อเข้ามามาก แต่บริษัทฯก็ต้องพิจารณาอย่างละเอียด

สำหรับผลประกอบการของเอสแอนด์พีโกลเบิล ที่ลงทุนในต่างประเทศนั้น ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้รวม 169 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วประมาณ 10% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้เมื่อต้นปี โดยสัดส่วนรายได้นั้นแบ่งเป็นมาจาก ประเทศอังกฤษ 37.7% จากสิงคโปร์ 29.8% จากสวิสเซอร์แลนด์ 23.9% จากไต้หวัน 7% และจากปักกิ่ง 0.01%

นางภัทรากล่าวต่อว่า เป้าหมายรายได้ในปีนี้ตั้งไว้ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 12-13% จากที่ทำได้ 700 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วไม่เติบโต เพราะว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ไม่เติบโตเท่าที่ควร

สำหรับผลกระทบจากการปิดถนนย่านราชประสงค์และมีการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงใน ช่วงที่ผ่านมานั้น นางภัทรายอมรับว่า ทั้งเครือเอสแอนด์พีต้องปิดสาขาไปมากกว่า 17 แห่งที่อยู่รายล้อมราชประสงค์