Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน18 พฤษภาคม 2553
ฝรั่งหอบเงินหนี ซื้อสุทธิเหลือ7พันล.-ยืดเยื้อหลุด700             
 


   
search resources

Stock Exchange




นักลงทุนต่างชาติหนีเสื้อแดงเผาเมือง เทขายหุ้นขนเงินกลับบ้านอีก 4.2 พันล้าน ฉุดหุ้นไทยรูด 15 จุด รวมแค่ 9 วันในเดือนพ.ค.ขายสุทธิถึง 3.1 หมื่นล้าน ฉุดยอดซื้อสุทธิต้นปีเหลือแค่ 7 พันล้านบาท จากยอดกว่า 4 หมื่นล้านเมื่อมีนาคม และส่อลดวูบอีก ด้าน “บล.โกลเบล็ก” มองการเมืองวุ่นไม่เลิก ส่งผลการลงทุนชะลอต่อเนื่อง แต่เชื่อรัฐจะเข้าคลี่คลายสถานการณ์ได้ในเร็วๆนี้ แนะนำหยุดลงทุน ชี้หากยังยืดเยื้อส่อฉุดดัชนีอาจต่ำกว่า 700 จุด ส่วนตลท.เลื่อนปิดเร็วขึ้น 1 ชม.ต่อ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17พ.ค.)ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ระดับ 753.26 จุด ลดลง 15.53จุด หรือ 2.02% มูลค่าการซื้อขาย 17,662.76 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามความกังวลของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่มีการขายสุทธิอีก 4,219.30 ล้านบาท รวมเพียงแค่ 9 วันของเดือนพฤษภาคม ที่เปิดให้มีการซื้อขาย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้ว 31,305.43 ล้านบาท จากยอดซื้อสุทธิร่วม 44,600 ล้านบาทเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ส่งผลทำให้ยอดซื้อสะสมสุทธิของนักลงทุนต่างชาติจากต้นปี ในขณะนี้มีเหลือแค่ 7,137.62 ล้านบาท และยังมีโอกาสปรับตัวลดลงอีกภายในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงมีโอกาสที่จะเห็นกลับเป็นยอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศเกิดขึ้น ได้ โดยระหว่างวันดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 753.42 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 744.55 จุด

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มทวีความรุ่นแรงขึ้นในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ และการลงทุนในประเทศ อาทิ การท่องเที่ยว ที่หลายประเทศสั่งเบรกการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงภาคการลงทุนที่เริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับแรงเทขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากปัจจัยความไม่สงบจากเหตุการณ์ความวุ่นวายภาย ในประเทศ

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อออกไปอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อภาคการลงทุนและเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันโดยส่วนตัวมองว่า ภายในสัปดาห์นี้เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นน่าจะยุติ หรือคลี่คลายลงได้ ซึ่งจะเห็นจากคำแถลงจากของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ที่ เริ่มเข้ามากดดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมนปช. ทางออ้อมไม่ว่าจะเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของแหล่งเงินในการสนับสนุนการชุมนุม โดยขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินให้ส่งข้อมูลทางการเงินเพื่อตรวจสอบแหล่ง ที่มาของเงินในการสนับสนุนการชุมนุม รวมถึงการประกาศให้บุคคลไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งสัญญาณดังกล่าวบ่งบอกว่าภาครัฐบาล และกองทัพ มีแผนที่จะขอพื้นที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายคืน เพื่อทำให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

“จากสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุนอย่างต่อ เนื่อง โดยยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติทยอยเทขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง และคาดว่าหากเหตุการณ์ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติแนวโน้มที่ต่างชาติจะเท ขายออกมาอีกก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะปัจจัยลบในขณะนี้นอกจากสถานการณ์ในประเทศแล้ว กรณีกรีซ ก็เป็นตัวแปรที่สำคัญที่ฉุดการลงทุนในตลาดทุนเช่นเดียวกัน” นายชนะชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ระยะสั้น แนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนโดยติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันหากราคาหุ้นปรับตัวลง แนะนำให้นักลงทุนทยอยเข้าไปลงทุน โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าความเป็นจริง

ด้านนายจักรกริช เจริญเมธาชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติทยอยเทขายหุ้นออกมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมจนถึง ปัจจุบันแล้วกว่า 27,000 ล้านบาท และหากว่าสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ ประกอบกับรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยยังคงปล่อยให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนตัวเกรงว่าจะฉุดให้การลงทุนในตลาดหุ้นปรับตัวลดลง จนส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไปแตะต่ำกว่าระดับ 700 จุดได้

ทั้งนี้สำหรับคำแนะนำ มองว่าในระยะสั้น “ไม่แนะนำให้ลงทุน” จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากยอมรับว่าจากสถานการณ์ในช่วงระหว่างวันสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ ตลอดเวลาจะเป็นผลต่อแรงเทขายออกมาจากต่อเนื่อง

ส่วนนักลงทุนที่ลงทุนในระยะยาว แนะนำ”ทยอยลงทุน”โดยแนะให้ลงทุนในพอร์ตการลงทุนในหุ้นเพียง 30% ของพอร์ตการลงทุน โดยแบ่งเป็น 20% ลงทุนให้หุ้นประเทศBig Cap ส่วนอีก 10% ควรลงทุนในกลุ่มSmall Cap ทั้งนี้เป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน โดยหุ้นที่แนะนำหุ้นลง ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี อาทิ PTT , PTTCH , BANPU , IVL เนื่องจากหุ้นดังกล่าวยังคงเป็นหุ้นนำตลาด ในกรณีที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุน

คาดต่างชาติขายสุทธิต่อ

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DBSV กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศนั้นมีความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการที่ยังคงมีการขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง จากที่สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่เห็นทางออก ทำให้การขายของนักลงทุนต่างประเทศจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง แต่จากการที่ปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยังดีอยู่ แม้ปัญหาทางการเมืองจะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจบ้างก็ตาม จึงเป็นผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงไม่แรงมาก

ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองคงจะไม่กดดันทำให้ดัชนีตลาดหุ้น ไทยปรับตัวลดลงแรงมาก โดยตั้งแต่เกิดปัญหาทางการเมืองนั้นบริษัทมีแนะนำให้นักลงทุนมีการถือเงินสด มากขึ้น แต่ขณะนี้เห็นนักลงทุนมีการเข้ามาทยอยซื้อหุ้นในช่วงที่ดัชนีมีการปรับตัวลด ลง เพราะ คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางและยาว ซึ่งจะเห็นได้ว่านักลงทุนไทยมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากกว่าต่างประเทศ จากรับทราบข้อมูลที่ดีกว่า

นาย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST กล่าวว่า จากปัญหาการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลนั้นทำให้ บริษัทมีการปิดสาขาที่อยู่ในบริเวณนั้นจำนวน 4-5 สาขา ซึ่งบริษัทได้มีการย้ายพนักงานไปยังสาขาอื่นและสาขาสำรองเพื่อให้บริการ ลูกค้า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยจากนี้จะมีความผันผวน เนื่องจาก สถานการณ์ทางการเมืองจะยังไม่ยุติง่ายๆ นักลงทุนควรระมัดระวังซึ่งไม่ควรที่จะลงทุนโดยใช้อารมณ์ และควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยควรถือเงินสดมากขึ้นกว่าปกติ แต่หากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปมากก็ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไป ลงทุนเพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนสูงในระยะกลางและยาว

ก.ล.ต.แนะรายย่อยติดต่อโบรกฯ

นางจารุพรรณ อินทรรุ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต. ) เปิดเผยว่า จากปัญหาทางการเมือง จนมีผลทำให้บริษัทหลักทรัพย์(บล.)บางรายอาจจะให้บริการส่งคำสั่งซื้อขาย (ออร์เดอร์)ไม่ได้สมบูรณ์เต็ม100% ทั้งนี้ก.ล.ต.แนะนำให้นักลงทุนควรที่จะหารือกับทางเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)และบล.ที่ตนเปิดบัญชีซื้อขายอยู่ เพื่อให้แนะนำแนวทาง ที่จะเอื้อต่อการส่งคำสั่งซื้อขายให้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้นักลงทุนได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น และไม่เสียผลประโยชน์จากการลงทุน รวมถึงนักลงทุนควรที่จะมีการประสานกับโบรกเกอร์เพื่อสอบถามสถานะบัญชีของตน เพื่อที่จะไม่ได้รับความเสียหายมากหากมีการถูกบังคับขายหุ้น

ตลาดหุ้นวันนี้ปิดซื้อขายเร็วขึ้น1ชม.ต่อ

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผย ว่า คณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการประชุมและหารือร่วมกับนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์เพื่อประเมิน สถานการณ์จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ประกอบกับได้พิจารณาความพร้อมของบริษัทสมาชิกแล้วที่ประชุมจึงมีมติให้ยังคง กาหนดเวลาปิดการซื้อขายเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในวันอังคารที่ 18 พ.ค.นี้ โดยจะเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ช่วงเช้าเวลา 10.00 - 12.30 น. ตามปกติ ส่วนการซื้อขายช่วงบ่ายจะปิดเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง โดยเปิดระหว่างเวลา 14.30 - 15.30 น. ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ตลาดหลักทรัพย์ (mai) ตลาดตราสารหนี้ (BEX) และตลาดอนุพันธ์ (TFEX)   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us