|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA เปิดเผยว่า มูลค่าพอร์ตการลงทุนของบริษัทปัจจุบันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1,400 ล้านบาท จากต้นปีอยู่ที่บริษัทได้ลงทุน 1,2000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 16% เนื่องจาก ราคาหุ้นที่บริษัทเข้าไปลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยพอร์ตลงทุนของบริษัทจะเน้นลงทุนในระยะยาวและลงทุนในหุ้นพื้นฐานที่ดี ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะมีการเพิ่มพอร์ตการลงทุน ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20-25%
ทั้งนี้ จากการที่นักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นนั้นส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) อยู่ที่ 5% ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วน 22% ของมูลค่าการซื้อขายโดยรวมของบล.ภัทร โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วน 19% แต่หากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนและมีสัดส่วนการลงทุนมากขึ้นกว่า 20% นั้นเชื่อว่าจะช่วยทำให้มาร์เกตแชร์ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6%
สำหรับมูลค่าการซื้อขายช่วงไตรมาส2/53 ออกมาดีเฉลี่ยต่อวัน 26,339.39 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่ 21,322.99 ล้านบาทต่อวัน ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่ดี ซึ่งต้องรอประกาศผลการดำเนินงานออกมาก่อน โดยช่วงไตรมาส2 ปี 52 บริษัทมีกำไร 126 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทางด้านที่ปรึกษาทางการเงิน (ไอบี) มีรายได้ที่ดีจากที่จะรับรู้รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัท บีทีเอส กร๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ BTS และยังมีงานที่ปรึกษาอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้ประเมินยาก แต่บล.ภัทร คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยู่ที่ 860 จุด ซึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนในเรื่องปัญหาทางการเงินการคลังของกรีซซึ่งเป็นเรื่องที่ประเมินได้ยาก หากยังมีปัญหาอยู่เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยและเอเซีย กลับไปที่ยุโรป และไทยมีปัญหาทางการเมืองทำให้มีแรงเทขายออกมาต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า หากการชุมนุมทางการเมืองยุติ เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อขายหุ้น ซึ่งจะส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศของบริษัทดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
"ไตรมาส 2 นี้ วอลุ่มน่าจะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อโบรกเกอร์ เพราะจะได้รับอานิสงส์ของการกลับเข้ามานักลงทุนต่างประเทศ และหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้มาร์เก็ตแชร์ของบริษัทมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปยังประเมินได้ยาก แต่เชื่อว่าเม็ดเงินที่ไหลออกนอกประเทศ จะกลับเข้ามาลงทุน โดยยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกบ้างจากปัญหาการเมืองของไทยและปัญหายุโรป แต่โดยรวมนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอยู่" นายอภินันท์ กล่าว
|
|
|
|
|