Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2533
รีบ๊อก VS รีบ็อกแตกต่างกว่าที่คิด             
โดย ขุนทอง ลอเสรีวานิช
 


   
search resources

Sports
Reebok
รีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนล
ไทยอินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์




รองเท้ารีบ๊อกเข้าสู่ตลาดในไทยเป็นครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว โดยมีไทย อินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์เป็นตัวแทนจำหน่าย แต่หลังจากนั้นเพียงหกเดือนสถานะการเป็นตัวแทนจำหน่าย ของไทย อินเตอร์ฯก็สิ้นสุดลงเมื่อรีบ๊อกตั้งตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ขึ้นมา เรื่องคงจะจบลงเพียงเท่านี้ ถ้าหากว่าไทย อินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์จะไม่ไปจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาในชื่อเดียวกันจนเจ้าของที่แท้จริงต้อง ขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง

วันที่ 27 กันยายน 2532 บริษัท รีบ๊อกอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มอบอำนาจให้ธีรพล สุวรรณประทีป ทนายความแห่งสำนักกฎหมายเบเคอร์ แอนด์แมคเคนซี่ย์ (BAKER & McKENZIE) เป็นโจทย์ฟ้องบริษัทรีบ็อค (ประเทศไทย) จำกัด และรกรมการบริษัทอีกสองคนเป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง ในดีตดำที่ 18838/2532 ในข้อหาใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและละเมิด

ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2533 ห้ามมิให้จำเลยใช้คำว่า REEBOK ทั้งภาษาไทยและอังกฤษอีกต่อไป ตามคำร้องขอของโจทย์

ตลาดรองเท้ากีฬาในประเทศทไยในช่วงปีที่ผ่านมามูลค่าประมาณหนึ่งพันกว่าล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นสองตลาดคือ รองเท้ากีฬาที่เป็นยี่ห้อในประเทศซึ่งขับเคียวกันระหว่าง 4 ยี่ห้อ คือ แพน โอลิมปิค แอคทีฟ และบาจา

อีกตลาดหนึ่งคือรองเท้ายี่ห้อต่างประเทศซึ่งใหญ่กว่ามีมูลค่าประมาณ 700 กว่าล้านบาทต่อปีในตลาดนี้เจ้าตลาดคือไนกี้ซึ่งเข้ามาในเมืองไทยเป็นรายแรกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถัดจากนั้นต่อมาคือรองเท้าคอนเวอร์ส อดิดาส พูม่า ดันลอปและรีบ๊อค

"ไนกี้มีส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่งประมาณ 30% ขึ้นไป ตามมาด้วยรีบ๊อค 25% คอนเวอร์ส 20% และอดิดาสราว ๆ 10% ทีเหลือเป็นของยี่ห้ออื่น ๆ ที่ยอดขายไม่ค่อยสูงนักรวม ๆ กัน" วิทยา ธรรมจาธร กรรมการผู้จดัการ บริษัทอาร์ บี เค มาร์เก็ตติ้งเปิดเผยถึงภาวะตลาดรองเท้ากีฬาในประเทศไทยในส่วนที่เป็นตลาดบนในขณะนี้

อาร์ บี เค มาร์เก็ตติ้ง คือบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้ารีบ๊อกแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยขณะนี้ โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างทางรีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนล เจาของเครื่องหมายการค้า "REEBOK" กับทางบริษัทปิยะวัฒน์ซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตรองเท้ารีบ๊อกสำหรับส่งออกอยู่แล้ว

นอกจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้ารีบ๊อคในไทยแล้ว อาร์ บี เค ยังมีฐานะเหนือตัวแทนธรรมดา ๆ ด้วยนั่นคือการเป็นผู้ถือสิทธิการผลิตรองเท้าและเสื้อผ้ากีฬา (LICENCEE) ภายใต้เครื่องหมาย REEBOK ด้วย

"เราเป็นรายเดียวในโลกที่ได้สิทธินี้" วิทยาพูดถึงสิทธิพิเศษของอาร์ บี เค ซึ่งมากกว่าตัวแทนจำหน่ายรายอื่น ๆ ในสามสิบกว่าประเทศทั่วโลก

รีบ๊อกเป็นรองเท้ากีฬาเชื้อชาติอังกฤษที่ไปเติบโตได้ดิบได้ดีในสหรัฐอเมริกา หลังจากปี 2523 เมืองพอล ไฟแมน นักการตลาดชาวอเมริกันเข้าไปซื้อสิทธิในการผลิตและจำหน่ายรองเท้ารีบ๊อกจากเจ้าของกิจการเดิมซึ่งเป็นชาวอังกฤษ

เดิมรีบ๊อกนั้คือรองเท้าสำหรับนักวิ่งโดยเฉพาะจุดขายคือคุณภาพซึ่งมีชัยชนะของนักกีฬาโอลิมปิดคหลายยุคหลายสมัยที่ใส่รองเท้าที่ใช้ชื่อสัตว์เล็ก ๆ ซึ่งวิ่งได้อย่างรวดเร็วบนพื้นทะเลทรายในอาฟริกามาเป็นชื่อยี่ห้อเป็นเครื่องหมายรับประกันคุณภาพ

หลังจากที่ไฟแมนซื้อชื่อรีบ๊อคไปแล้เขาได้เปลี่ยนตำแหน่ง ภาพพจน์ของสินค้าใหม่ให้กว้างขึ้นจากเดิมที่เป็นรองเท้าเฉพาะนักวิ่งมาเป็นรองเท้าอเนกประสงค์สำหรับเล่นกีฬาที่เรียกกันว่า CROSS TRAININ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น โดยจ้างผู้ผลิตรองเท้าในเกาหลีใต้และไต้หวันเป็นผู้ผลิตส่งเข้าไปขายในสหรัฐฯ จนกลายเป็นรองเท้าสำหรับเต้นแอโรบิคที่ฮิตมากในสหรัฐฯ

ในระดับโลกแล้ว รองเท้ากีฬาที่เป็นเจ้าตลาดขับเคี่ยวผลัดกันครองตำแหน่งที่หนึ่ง

ละสองกันมาตลอดคือไนกี้กับรีบ๊อค โดยมียอดขายประมาณ 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีทั้งสองยี่ห้อทิ้งห่างจากอันดับสามคือแอลเอ เกียร์ อันดับสี่ คอนเวอร์สซึ่งมียอดขาย 500 และ 300 ล้านเหรียญตามลำดับ

ตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา แหล่งผลิตรองเท้ากีฬาคุณภาพสูงซึ่งเกาหลี้ใต้และไต้หวันเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกเริ่มโยกย้ายเข้ามาสู่ย่านเเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยปัจจัยทางด้านค่าของเงินที่แข็งขึ้นของสองประเทศข้างต้นและค่าแรงที่ถูกกว่าของประเทไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บวกกับทั้งเกาหลีใต้และไต้หวันเริ่มยกระดับอุตสหากรรมไปสู่การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น ปล่อยให้การทำรองเท้าเป็นหน้าที่ของประเทศที่เพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรม แหล่งผลิตใหม่คือ ไทยอินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน ซึ่งไทยมีประสบการณ์มากที่สุด มีความสามารถผลิตรองเท้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก เพียงแต่ว่าเป็นการผลิตตามออร์เดอร์ของเจ้าของยี่ห้อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ในปัจจุบันโรงงานผลิตรองเท้าในไทยที่รับจ้างผลิตให้รีบ๊อกเพื่อส่งออกไปขายมีอยู่ด้วยกัน 8 โรงงานคือ บางกอกรับเบอร์ ซึ่งผลิตรองเท้าให้ไนกี้ด้วย โรงงานของปิยะวัฒน์ วงศ์ไพฑูรย์ โอเรียลเต็ลฟุตแวร์ รังสิตฟุตแวร์ 1 และ 2 HSCORPORATION ของเกาหลี และ SAND DAY ของไต้หวัน

ทั้ง 8 โรงงานนี้ผลิตเพื่อส่งออกได้เดือนละ 1 ล้านคู่ ซึ่ง 50% ของกำลังการผลิตนี้มาจากโรงงานของปิยะวัฒน์

ส่วนตลาดภายในประเทศนั้น ยี่ห้อที่โดดเด่นและทำตาลาดมาเป็นรายแรกเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าสิบปีคือไนกี้ ยี่ห้อที่พอจะนับเป็นคู่แข่งได้คือคอนเวอร์สซึ่งมีบริษัทแท็คติดคมาร์เก็ตติ้งที่เป็บริษัทในเครือปิยะวัมนือีกแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจถือเป็นคูแข่งขันกันโดยตรงได้ เพราะว่าคอนเวอร์สซึ่งเป็นรองเท้าบาสเกตบอลที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ พอมาถึงเมืองไทยที่กีฬาบาสเกตบอลเล่นกันอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ จำเป็นต้องหาตำแหน่งของตัวเองในตลาดเชียงใหม่เป็นรองเท้าแฟชั่นในกลุ่มลูกค้าวัรุ่นไปเสียเลย

ตลาดรองเท้ากีฬาในระดับบนจึงมีเพียงไนกี้เพียงรายเดียว ในขณะที่ตลาดเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ทั้งจากการบุกเบิกของไนกี้เอง และจากความตื่นตัวในเรื่องการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของคนไทยที่วางในตลาดจึงมีอยู่อย่างเหลือเฟือสำหรับรองเท้ากีฬายี่ห้อใหม่ ๆ

ปี 2531 รีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนล เจาของรองเท้ารีบ๊อคที่ใช้เมือไงทยเป็นฐานในการผลิตอยู่แล้วจึงมีแผนการที่จะทำตลาดในประเทศไทยด้วยการติดต่อหาตัวแทนจำหน่ายในประเทศ มีผู้สนใจหลายายที่เสนอตัวเข้ราไปให้ทางรีบ๊อคพิจารณารวมทั้งทางกลุ่มปิยวัฒน์และบางกอกรับเบอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตรองเท้าอยู่แล้ว แต่นโยบายของรีบ๊อกในตอนนั้นคือ ตัวแทนจำหน่ายจะต้องไม่เป็นผู้ผลิต ทั้งสองรายจึงไม่ได้รับการพิจารณา

ไทยอินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์ หรือทีไอพีเป็นรายหนึ่งที่เสนอตัวด้วยและได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรีบ๊อคสำหรับแผนการบุกตลาดในไทยเป็นครั้งแรก แต่เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงชั่วคราวเท่านั้นโดยมีสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ให้ทดลองเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเป็นเวลาหกเดือน หากเป็นที่พอใจทางรีบ๊อกอินเตอร์เนชั่นแนลจะแต่งตั้งให้ทีไอพีเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวต่อไป

ทีไอพีนั้น เจ้าของคือ ประภาส อดิสยเทพกุล ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการด้วย ทีไอพีทำธุรกิจทางด้านจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคมานาน เป็นยี่ปั๊วของลีเวอร์ บราเธอร์ ในการกระจายสินค้าให้กับร้านค้าปลีกในกรุงเทพ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอาหารของเจเนรัล ฟู้ดส์ และเป็นผู้ผลิตขาวรารักไทยออกจำหน่ายเองด้วย และยังเคยเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องกีฬาของวิลสันมาก่อน

ทีไอพีตั้ง บริษัทมัลติ สปอร์ตติ้ง กู๊ดขึ้นมาเมื่อเดือนกันยายน 2531 เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรีบ๊อกโดยตรง พร้อม ๆ กันนั้นก็ไปจดทะเบียนตั้งบริษัท รีบ็อก (ประเทศไทย) ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมีประภาส และรัชนี สุโขดมโชติซึ่งเป็นเลขาฯของประภาสเป็นกรรมการ

ในข้อตกลงที่ทำกับรีบ๊อค อินเตอร์เนชั้น่แนลนั้นรีบ๊อกจะยอมหใทีไอพีจดทะเบียนตั้งบริษัทมาใหม่โดยยอมให้นำคำว่า REEBOK ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อบริษัทที่จะจัดตั้ง่ขึ้นใหม่ด้วย

แต่ข้อตกลงนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เมื่อรีบ๊อคแต่งตั้งทีไอพีให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทยหลังจากพ้นระยะทดลอง 6 เดือนแล้วเท่านั้น

ปรากฏว่าหลังจากหกเดือนแล้วรีบ๊อคไม่ได้ตั้งทีไอพี เป็นตัวแทนจำหน่ายต่อไป ตีความกันตามสัญญาที่ทำกันไว้แต่แรกก็ต้องบอกว่า ผลงานของทีไอพีหรือ มัลติ สปอร์ตติ้ง นั้นไม่ได้เป็นที่พออกพอใจของ รีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนลเอาเสียเลย

"เราไม่ได้ทำผิดอะไร พอเราเริ่มก็มีปัญหาแล้วสินค้าที่สั่งไปเข้าก็ไม่ได้ส่งมา" ชูชัย มาไพศาลทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายของมัลติ สปอร์ตติ้ง กล่าวสั้น ๆ และการที่ไปตั้งบริษัทรีบ็อค (ประเทศไทย) ขึ้นมานั้นก็เป็นแผนการขั้นต่อไปที่จะทำตลาดรองเท้ารีบ๊อคนั่นเอง

รองเท้ารีบ็อคที่ มัลติ สปอร์ตติ้ง นำเข้ามาวางตลาดเป็นรองเท้าที่ต้องนำเข้ามาจากอเมริกา แม้วาจะมีการทำในไทย แต่ก็เป็นการผลิตในเงื่อนไขว่ารับจ้างบริษัทแม่ผลิต ทำแล้วก็ต้องส่งออกไปส่วนตัวแทนจำหน่ายในประเทศต้องติดต่อสั่งซื้อจากรีบ๊อค ที่สหรัฐฯ อีกทีหนึ่ง

การทำตลาดของ มัลติ สปอร์ตติ้ง นั้นเน้นที่ช่องทางการจำหน่ายอย่างเดียว โดยกระจายสินค้าไปตามห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในด้านกว้างเลย

"ทีไอพีไม่มีประสบการณ์และไม่มีความชำนาญในเรื่องตลาดรองเท้า" แหล่งขาวในวงการรองเท้ากีฬาแสดงความเห็นถึงจุดอ่อนของทีไอพี ซึ่งเคยช่ำชองกับการขายสินค้าอุปโภคบริโภค และอาหารเสียเป็นส่วนใหญ่

ใช่ว่าทีไอพีจะอ่อนหัดในเรื่องรองเท้าเสียทีเดียว เพราะถึงแม้จะไม่เคยทำมาก่อน แตก็ได้ซื้อตัวมือดีทางด้านนี้หลาย ๆ คนเพื่อเตรียมบุกตลาดประสิทธิศักดิ์ ศิลปชย ซึ่งเป็นคนรับผิดชอบก่อนหน้าชูชัยก็คือมือดีของเครือปิยะวัฒน์มกาอน ตัวชูชัยเองก่อนหน้าที่จะมาอยู่ที่นี่ เคยทำงานกับบางกอกแอทเลติคผู้แทนจำหน่ายรองเท้าแพนอยู่ถึง 6 ปี

"อาจจะเป็นไปได้ว่าสัญญาเป็นตัวแทนทดลองจำหน่ายแค่หกเดือนนั้นสั้นเกินไป และไม่แน่นอนใครละที่จะไปลงทุนทำตลาดโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะได้ขายต่อหรือเปล่า" แหล่งข่าวในวงการรองเท้ากีฬาอีกรายหนึ่งกล่าว

หลังจากที่หันหลังให้กับทางทีไอพีแล้ว รีบ๊อคก็ต้องหาผู้แทนจำหน่ายใหม่ ๆ และในที่สุดก็ตกลงจับใอกับปิยะวัฒน์ร่วมลงทุนตั้งอาร์ บี เค มาร์ เก้ตติ้งขึ้นมาเป็นตัวแทนจำหน่ายเสียเอง

แต่เรื่องยังไม่จบลงเพียงนี้ เดือนตุลาคม 2531 รีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนลได้มอบอำนาจให้ตัวแทนไปจดทะเบียนเพื่อตั้งบริษัทในประเทศไทยชื่อว่าบริษัทรีบ๊อค จำกัด ปรากฏว่านายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนเพราะชื่อไปคล้ายกับชื่อบริษัทรีบ็อค (ประเทศไทย) ซึ่งทางทีไอพีได้ตั้งขึ้นมาก่อนแล้ว

ทางรีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนลจึงแจ้งให้รีบ็อค (ประเทศไทย) เลิกใช้ชื่อดังกล่าวเสียแต่ก็ไม่ได้รับการสนองตอบ นอกจากนั้นทางรีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนลยังอ้างว่าเมื่อเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนทีไอพียังได้ว่าจ้างให้บริษัทผู้ผลิตถุงเท้าแห่งหนึ่งผลิตถุงเท้าในชื่อยี่ห้อ รีบ๊อค อกมาวางขาย ทางรีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนล ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย เขต 1 และตำรวจได้จับกุมผู้ขายรองเท้า เสื้อกีฬาที่ใช้ชื่อว่ารีบ๊อคได้ที่ซอยจึงเจริญ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

รีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนล จึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งเมื่อเดียวกันยายนปีที่แล้ว

จำเลย ตามคำฟ้องในคดีนี้ คือ บริษัทรีบ็อค (ประเทศไทย) เป็นจำเลยที่ 1 นางสาวรัชนี สุโดมโชคมิและนายประภาส อดิสยเทพกุลเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ซึ่งทั้งสองคนนี้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนจำเลยที่ 1

ตามคำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งสามได้นำเอาชื่อของบริษัทโจทก์คำว่า รีบ๊อค มาจดทะเบียนเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ทำให้ประชาชนเข้ใจว่าชื่อจำเลยที่ 1 เป็นสาขาของโจทก์เปิดกิจการในประเทศไทย หรือกิจการค้าของจำเลยที่ 1 เป็นกิจการของโจทก์หรือมีความเกี่ยวพันกับโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสาามเป็นการแสวงหาประโยชน์จากชื่อบริษัทโจทก์หรือเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ขอศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามเลิกใช้คำว่า รีบ็อค (REEBOK) ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยกับชื่อบริษัทของจำเลยที่ 1 และธุรกิจทั้งปวงของจำเลยที่ 1 และห้ามไม่ให้จำเลยทั้งสามใช้ต่อไปอีก กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์

พูดกันด้วยภาษาชาวบ้านก็คือ จำเลยทั้งสามไปแอบอ้างใช้คำว่ารีบ๊อกซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์

สุจินต์ ชัยมังคลานนท์ แห่งสำนักกฎหมายเบเคอร์ แอนด์ แมคเคนซี่ย์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกฎหมายธุรกิจดีที่สุดคนหนึ่ง สุจินต์เคยให้อรรถาธิบายความขัดแย้งในเรื่องสิทธิเครื่องหมายทางการค้าที่ต้องใช้ข้อกฎหมายหาข้อยุตจิพร้อมกับคดีตัวอย่างในหลาย ๆ กรณี คดีรีบ๊อกนี้พิจารณษได้โดยอ้างอิงคำอธิบายของเขาจากคอมลัมน์กฎหมายนักธุรกิจใน "ผู้จัดการรายสัปดาห์"

สิทธิในเครื่องหมายการค้า ชื่อในทางการค้าเป็นประเภทหนึ่งของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิซึ่งเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ที่กฎหมายให้การรับรอง และเป็นเรื่องที่เกิดเป็นคดีพิพาทกันมากที่สุดในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองโดยตรง

ข้อกฎหมายที่ใช้พิจารณาให้ความคุ้มครองสิทธิในชื่อยี่ห้อการค้าคือ มาตรา 18 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับการคุ้มครองชื่อบุคคลซึ่งเขียนไว้ว่า

"สิทธิของบุคคลในการที่จะใช้นามอันชอบที่จะใช้ได้นั้น ถ้ามีบุคคลอื่นโต้แย้งก็ดี หรือบุคคลผู้เจ้าของนามนั้นต้องเสื่อมเสียงประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นมเดียวกันโดยมิได้รับอำาจให้ใช้ได้ก็ดี ท่านว่บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามจะเรียกให้บุคคลอื่นนั้นระงับความสเยหายก้ได้ ถ้าและเป็นที่พึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้"

การใช้นมอันชอบที่จะใช้ได้นั้นหมายความรวมถึงชื่อตัว นามสกุล นามปากกา รวมทั้งชื่อในทางธุรกิจด้วย และการใช้สิทธิเรียกร้องขอความคุ้มครองนั้นต้องประกอบด้วยเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งต่อไปนี้คือ 1. มีบุคคลอื่นโต้แย้ง หรือ 2. ผู้เป็นเจ้าอขงนามนั้นต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะมีบุคคลอื่นมาใช้นามเดียวกัน

จำเลยทั้งสามในคดีรีบ๊อกให้การต่อสู้คดีโดยมีเนื้อหาสาระที่สำคัญว่า ไม่ทราบว่ามีการจดทะเบียนชือ่รีบ๊อกเป็นชื่อบริษัทของดจทก์ในต่างประเทศหรือไม่ และจำเลยไม่เคยใช้ชื่อ รีบ๊อค (ไม้ตรี) ใช้แต่ชื่อ รีบ็อค (ไม้ไต่คู้) และชื่อบริษัทก็ใช้ว่า บริษัทรีบ็อค (ประเทศไทย) จำกัด โดยภาษาอังกฤษว่า REEBOK (THAILAND) CO., LIMITED ซึ่งแตกต่างกับชื่อของโจทก์ที่ว่า รีบ๊อค อินเตอร์เนชั่นแนล ซีโอ., แอลทีดี. (REEBOK INTERNATINAL CO., LTD.) จึงไม่ทำให้สาธารณชนทั่วไปเข้าใจผิด ไม่เป็นที่เสื่อมเสียประโยชน์หรือสร้างความเสียหายให้กับโจทก์

ในขันการสืบพยาน ทางรีบ็อค อินเตอร์เนชั่นแนลได้ท้าวความไปถึงการทำความตกลงกันที่ทางทีไอพีจะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับทางรีบ๊อก อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทยซึ่งเป็นการยืนยันว่าจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่ารีบ๊อก อินเตอร์เนชั่นแนลและยี่ห้อรีบ๊อกนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนั้นทางรีบ๊อก อินเตอร์เนชั่นแนล ยังเคยมีหนังสือแจ้งให้จำเลยเลิกใช้คำว่ารีบ็อคมาก่อนแล้ว

ส่วนในประเด็นความแตกต่างของชื่อนั้นศาลเห็น่าแม้จะเขียนต่างกันในภาษาไทยระหวางไม้ตรีกับ ไม่ไต่คู้ แต่การอ่านออกเสียงคล้ายคลึงกัน และในภาษาอังกฤษก็ใช้คำว่า REEBOK เหมือนกัน

"การกระทำดังกล่าวเป็นการเลียนแบบใช้ชื่อของโจทก์ซึ่งมีมาก่อนแล้ว เพื่อให้คนทั่วไปหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 เป็นสาขาของโจทย์ หรือมีความเกี่ยวพันกับโจทก์ หรือกิจการค้าของจำเลยที่ 1 เป็นกิจการค้าของโจทก์ เป็นการจงใจใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเป็นการใช้นามอันมิชอบตามประมวลกฎฆมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการร่วมกันกระทำละเมินต่อโจทก์ โจทก์มีสิทธิขอห้ามมิให้จำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่อไปได้

พิพากษาห้ามมิให้จำเลยทั้งสามใช้คำว่า REEBOK (รีบ็อคหรือบรีบ็อค) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษกับชื่อของจำเลยที่ 1 และในธุรกิจการค้าของจำเลยที่ 1"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us