|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นั่งรถชมวิวจากกอลมาร์ไปยังเมืองต่างๆ ด้านหนึ่งเป็นเทือกเขาโวจส์ (Vosges) อีกด้านหนึ่งเป็น "ป่าดำ" (Black forest) ของเยอรมัน ในภาษาฝรั่งเศสเรียก Foret noire บนเทือกเขาโวจส์ เห็นปราสาทรำไรเป็นระยะๆ เพราะเป็นชัยภูมิเหมาะในการป้องกันประเทศและเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของศัตรู
ญาติชาวอัลซาสบอกว่าไม่ควรพลาด ไปชมปราสาทโอต์-เคอนิกสบูรก์ (Haut-Koenigsbourg) หลังจากพลาดมาแล้วครั้งก่อน ว่าพลางจึงขับพาไป มีผู้ประสงค์ ไปห้องสมุดมนุษยศาสตร์ที่เมืองเซเลสตาต์ (Selestat) มากกว่า ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ขับรถ ด้วยว่าปราสาทโอต์-เคอ นิกสบูรก์อยู่บนเขาเหนือเมืองเซเลสตาต์นั่นเอง
ช่วงที่อยู่ที่กอลมาร์นั้น พายุฝนเข้าช่วงกลางคืนทุกคืน พอตกบ่ายสามารถไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ได้โดยไม่มีปัญหา หากวัน ที่ไปปราสาทโอต์-เคอนิกสบูรก์นั้น อากาศ เย็นกว่าปกติ แถมครึ้มฟ้าครึ้มฝน นักกีฬาแข่งจักรยาน Tour de France ซึ่งออกสตาร์ทจากเมืองวิตเตล (Vittel) มายังกอลมาร์ต้องสวมเสื้อหนาวที่กันฝนด้วย
บ่ายวันนั้นเพียงขับรถออกจากกอล มาร์ ฝนก็ตกพรู อากาศที่กำลังเย็นสบายเริ่มหนาวขึ้น ทิ้งสมาชิกหนึ่งหน่วยที่เซเลส ตาต์ตามความประสงค์ของเจ้าตัว แล้วรถวนขึ้นเขาเป็นงูเลื้อยกว่าจะถึงยอดอันเป็นที่ตั้งของปราสาท ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ชาวคณะไม่ได้เตรียมตัวเจออากาศหนาวเพราะฝน อุณหภูมิ 11 องศาเกินความคาด หมาย รู้แต่ว่าหนาวแม้จะมีเสื้อแจ็กเก็ต บางๆ สวมทับทีเชิ้ตก็ตาม เดินกางร่มโยกขึ้นเขาไป ผู้คนที่เดินสวนมาหลายคนสวมเสื้อแขนกุดบางๆ ต่างหนาวเหน็บ เดินฝ่าฝนไปถึงตัวปราสาท ซื้อบัตรชมแบบมีมัคคุเทศก์อธิบาย
ปราสาทโอต์-เคอนิกสบูรก์อยู่ห่างจากเซเลสตาต์ 12 กม. สูงจากน้ำทะเล 757 กม. สร้างในศตวรรษที่ 12 โดยเฟรเดริก เดอ โฮเฮนสเตาเฟน (Frederic de Hohenstaufen) และแนวป้องกันบนเขากินบริเวณไปถึงที่ดินของผู้อื่น เช่น วัดของ นักบวชสายแซงต์-เดอนีส์ (Saint-Denis) ซึ่งขอให้กษัตริย์หลุยส์ที่ 7 บีบให้คอนราดที่ 3 แห่งโฮเฮนสเตาเฟน (Conrad III de Hohenstaufen) คืนที่ดินให้โอต์-เคอนิกสบูรก์เป็นเส้นทางการค้าข้าวสาลี ไวน์ เกลือ และแร่เงิน ภายหลังปราสาทโอต์-เคอนิกสบูรก์ตกเป็นของราชวงศ์ฮับสบูรก์ (Habsbourg) ซึ่งยกให้พวกเตียสไตน์ (Tierstein) ในปี 1479 ต่อมาในปี 1462 โอต์-เคอนิกสบูรก์เกิดไฟไหม้ ราชวงศ์เตีย สไตน์จึงสร้างขึ้นใหม่และปรับปรุงระบบป้องกันตนเอง ทำให้สามารถต้านทานการโจมตีของสวีเดนได้ถึง 1 เดือนระหว่างสงคราม 30 ปี
อย่างไรก็ตาม สวีเดนได้ชัยชนะและเผาปราสาทโอต์-เคอนิกสบูรก์
ในปี 1862 โอต์-เคอนิกสบูรก์เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ (monument historique) และเป็นสมบัติของเมืองเซเลสตาต์ ตามสนธิสัญญาเมืองแฟรงค์เฟิร์ตปี 1871 อัลซาสตกเป็นของเยอรมัน ต่อมา ในปี 1899 เมืองเซเลสตาต์จึงยกปราสาทให้แก่จักรพรรดิวิลเลมที่ 2 แห่งโฮเฮนโซลเลน (Wilhelm II de Hohenzollen) ซึ่งให้บูรณะเป็นการใหญ่ ไว้เป็นสถานที่รับรองมิตรสหาย โดยที่วิลเลมที่ 2 ไม่เคยมาพักเลย
โอต์-เคอนิกสบูรก์มีเนื้อที่ 1.5 เฮกตาร์ บางส่วนสร้างในหิน ปราสาทที่เห็นในปัจจุบันเป็นผลการบูรณะของวิลเลมที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องรับรองที่มีการเขียนภาพบนผนังและเพดาน อักษร W ปรากฏอยู่ทั่วไป บนเพดานเป็นภาพนกอินทรีตัวใหญ่ ที่ปราสาทนำภาพถ่ายของกระบวนการบูรณะ มีการชะลอรถไฟขึ้นไปเพื่อขนส่งวัสดุในการก่อสร้าง
ห้องอาวุธที่มีอาวุธโบราณมากมาย มีรูปแบบและลวดลายสวย บางอันมีหลายหยัก ทำให้นึกวาดภาพว่าแทงเข้าไปในร่างของศัตรูแล้วชักออก รอยหยักคงจะฉีกเนื้อ จนกระจุยกระจาย สุดห้องเป็นเสื้อเกราะ ทำหุ่นคนอยู่ในเสื้อเกราะ หน้าตาขมึงทึง น่ากลัวมาก ห้องล่าสัตว์ที่มีเขาสัตว์ที่ล่าได้ประดับไว้ ที่น่าทึ่งคือเครื่องทำความร้อนที่เป็นเตาพอร์ซเลน มีวางตั้งในห้องต่างๆ นอกจากนั้นยังมีเครื่องเรือนที่สวยมาก
เดินจากปีกหนึ่งไปยังอีกปีกหนึ่งเพื่อขึ้นบันไดไปยังหอคอย ปืนใหญ่ชนิดต่างๆ ตั้งให้ชม มองลงมาเบื้องล่างเห็นเมืองเซเลสตาต์ในม่านฝนและหมอกสีเทา บนหอคอยลมแรงจัดพัดมาพร้อมกับละอองฝน ชาวคณะตัดสินใจเดินย้อนกลับ ทางเก่าแทนที่จะลุยต่อไป สู้ฝนและความหนาวไม่ไหว
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สนธิสัญญาแวร์ซายส์กำหนดให้อัลซาสคืนกลับมาเป็นของฝรั่งเศส โอต์-เคอนิกสบูรก์จึงกลับมาเป็นสมบัติของฝรั่งเศส ความสวยงามของปราสาทแห่งนี้ทำให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง La grande illsuion ในปี 1936
|
|
|
|
|