|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจช่วยให้เวียดนามกลายเป็นที่หมายดึงดูดความสนใจของสถานประกอบการต่างๆ ให้อยากย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าว Bloomberg ออกรายงานโดยอ้างข้อมูลของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ASEAN ว่าในปี 2551 เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เข้าสู่เวียดนามเพิ่มขึ้นถึง 13.5% จากยอดรวม FDI ของ ASEAN เพิ่มขึ้นมากจากอัตรา 4.4% ของ 2 ปีก่อนหน้านั้น
Daniel Ten Kate ตัวแทนของ Bloomberg ให้ความเห็นว่าการดึงดูดความสนใจดังกล่าว อาจกำลังเพิ่มสูงขึ้นตามการสำรวจของหอการค้าสหรัฐอเมริกาที่เซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนธันวาคม 2552
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นเวียดนามเป็นที่หมายปองของบริษัทต่างๆ ที่กำลังอยากย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ซึ่งเป็นประเทศรับการลงทุนต่างประเทศมากที่สุด ในเอเชีย
การสำรวจของหอการค้าสหรัฐฯ กับบริษัทต่างประเทศในจีน 202 บริษัท แสดง ให้เห็นจำนวนบริษัทต่างประเทศมีแผนย้ายโรงงานลึกเข้าไปภายในประเทศ หรือย้ายไปยังประเทศอื่น ได้เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปีที่ผ่านมา เพราะปัญหาค่าใช้จ่ายด้านการผลิต
ในบทรายงานได้อ้างคำพูดของ James Lockett ทนายความคนหนึ่งของบริษัท Baker & McKenzie ซึ่งทำงานอยู่ในนครฮานอย ที่กล่าวว่าปัจจุบันกำลังมีหลายบริษัทพิจารณาถึงการก่อตั้งสถานประกอบการผลิต ในประเทศในกลุ่ม ASEAN และในผลิตภัณฑ์หลายชนิด เวียดนามก็มีปัจจัยดึงดูดอย่างยิ่งต่อบริษัทเหล่านั้น
ถึงแม้เวียดนามเป็นประเทศมีพรรคการเมืองพรรคเดียว เมื่อเร็วๆ นี้ผู้รับผิดชอบได้จำคุกนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหลายคน จนต้องประสบกับการตำหนิจากองค์การต่างๆ เช่น Human Rights Watch ก็ตาม บางคนก็ให้ความเห็นว่าเวียดนามเป็นแบบอย่างของเสถียรภาพ
พวกเขาเปรียบเทียบเวียดนามกับไทย ประเทศซึ่งมีม็อบขัดขวางตามถนนหนทางในการประท้วงต่างๆ ซึ่งบางครั้งก็มีความรุนแรง
Rodolfo Severino อดีตเลขาธิการ ASEAN ให้ความเห็นว่าสำนักข่าว Bloomberg รู้ว่าเวียดนามมีเสถียรภาพทางการเมือง และถ้าเป็นนักลงทุนเขาจะเลือกเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม หลังจากผลสำรวจดังกล่าวได้เผยแพร่ออกมา Robert Hormats รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ พลังงานและเกษตรกรรม ได้ออก มาแจ้งเตือนในโอกาสที่ได้แวะมาเยือนเวียดนามว่า ความสนใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน อาจทำให้เสียหายทางการค้าระหว่างสองประเทศ
Hormats กล่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันจันทร์ 12 เมษายน ภายหลังการพบปะกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศที่นครฮานอย
สำนักข่าวต่างประเทศอ้างคำพูดของ Hormats ที่กล่าวกับสื่อมวลชนว่าเขามีความห่วงใยเกี่ยวกับ "ปัญหาสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม"
"บางคนที่สภาล่างสหรัฐฯ และไม่เพียงที่นั่น วิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชน แรงงาน (ในเวียดนาม) และถ้าไม่มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ผมคิดว่าจะก่อผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ"
Hormats บอกว่า "บางคนในสหรัฐฯ กล่าวว่านี่เป็นหัวข้อสำคัญ และเหตุนั้นมันอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับเวียดนามยาวนาน แต่ผมไม่กล้าพูดล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร"
อย่างไรก็ดี เขาได้เน้นย้ำว่าไม่อยาก ทำให้เกิดความตึงเครียดในเรื่องสิทธิมนุษย์
"การวิจารณ์ไม่ได้หมายความว่าพวกผมอยากโต้เถียง หรือวิจารณ์มุ่งหมาย สร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้น"
ปีที่แล้วสหรัฐฯ กลายเป็นนักลงทุนต่างประเทศที่ลงทุนมากที่สุดในเวียดนาม และเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของสถานประกอบการภายในประเทศเวียดนาม
หนังสือพิมพ์เวียดนามเมื่อเขียนเกี่ยวกับการเยือนของ Robert Hormats เพียงบอกว่า "สหรัฐฯ อยากส่งเสริมความสัมพันธ์กับเวียดนาม" เพื่อสองฝ่ายอาจจะกลายเป็น "หุ้นส่วนที่แท้จริง" หนังสือพิมพ์ภายในประเทศก็บอกว่า Hormats "แสดงความเชื่อมั่นว่านับวันเวียดนามจะยกระดับฐานะตนเองมากขึ้นในภูมิภาคและ บนสนามสากล"
ในเวลาใกล้เคียงกัน วิทยุเสียงอเมริกา ภาคภาษาเวียดนาม มีรายงานว่าเหงียน เติ๊น หยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามให้คำมั่นกับบรรดานักธุรกิจอเมริกันว่าเขาจะพยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อม การลงทุน ในขณะที่ยอมรับว่าหย่อนความสนใจปัญหาโครงสร้างพื้นฐานในเวียดนาม
ตามข่าวจากสำนักข่าวฝรั่งเศส เหงียน เติ๊น หยุงให้คำมั่นเช่นนั้นที่กรุงวอชิงตันในวันพุธที่ 14 เมษายน หนึ่งวันหลังจากเข้าประชุมสุดยอดนิวเคลียร์ที่สหรัฐอเมริกา
ทัศนะในการประชุมกับแกนนำธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ ผู้นำรัฐบาลในฮานอยบอกว่า เวียดนามตั้งใจให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ 6.5% ในปีนี้ ขณะที่พยายามสกัดกั้นภัยเงินเฟ้อ
เหงียน เติ๊น หยุงกล่าวว่ารัฐบาลเวียดนามเข้าใจอุปสรรคในสภาพแวดล้อมการลงทุน โดยเฉพาะปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนหนทาง ท่าเรือ และพลังงาน เขาให้ความเห็นว่าเวียดนามต้องพยายาม อย่างมากเพื่อฝึกอบรมบรรดาผู้จัดการและกองกำลังแรงงาน รวมทั้งพยายามกำจัดการบริหารแบบราชการ "ผมรับฟังความเห็นต่างๆ เสมอ พยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนในเวียดนาม"
สหรัฐฯ และเวียดนามเพิ่มความร่วมมือกันตั้งแต่ความสัมพันธ์เข้าสู่ปกติเมื่อปี 2548 เวลานี้ อดีตศัตรูสองประเทศนี้ กำลังเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการลงทุนฉบับหนึ่ง พร้อมด้วยข้อตกลงการค้าเสรีผ่าน มหาสมุทรแปซิฟิกอีกฉบับหนึ่ง
การพบปะกันระหว่างนายกรัฐมนตรี เหงียน เติ๊น หยุง และบรรดาแกนนำธุรกิจ อเมริกันมีขึ้นที่โรงแรม Mayflower ในขณะที่ชาวเวียดนามหลายคนถือธงชาติสาธารณรัฐเวียดนามชุมนุมต่อต้านอยู่ด้านนอก
แองเจลินา โด๋ สังกัดพรรคเหวียต เติน (เวียดนามใหม่) ที่แคลิฟอร์เนีย บอกกับผู้สื่อข่าว AFP ว่า "พวกฉันมาที่นี่เพื่อเรียกร้องให้เวียดนามคืนเสรีภาพให้นักโทษการเมืองทุกคนและให้เคารพสิทธิมนุษยชน"
เธอกล่าวเพิ่มเติมว่าสหรัฐฯ ไม่ควร ให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่เวียดนาม
รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์คนเวียดนามในแคลิฟอร์เนีย บอกว่าการชุมนุมต่อต้านของชาวเวียดนามประมาณ 500 คน ได้ทำให้เหงียน เติ๊น หยุง ต้องเข้าโรงแรม Mayflower ทางประตูหลังของโรงแรม
|
|
|
|
|