ข้อตกลงฉบับนี้ทําขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2548 ที่ด่านวังเต่า แขวงจําปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างธนาคารพัฒนาลาว โดยท่านหุมเพ็ง มะนีไซ ผู้มีอํานาจดําเนินการแทน ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "พัฒนาลาว" ฝ่ายหนึ่ง และธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) โดยคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ผู้มีอํานาจดําเนินการแทน ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "ไทยพาณิชย์" อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการร่วมมือทางด้านการเงินและการธนาคาร ระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "สปป.ลาว" กับประเทศไทย พัฒนาลาวและไทยพาณิชย์จึงทําข้อตกลง ซึ่งมีเนื้อหาดังข้างล่างนี้

ข้อ 1 เพื่อสนับสนุนให้เงินกีบของ สปป.ลาว ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "เงินกีบ" และเงินบาทของประเทศไทย ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "เงินบาท" มีการใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้นในระดับระหว่างประเทศ และเพื่ออํานวยความสะดวกแก่พ่อค้าและประชาชนทั้งของ สปป.ลาว และประเทศไทย ที่มีจุดประสงค์จะแลกเปลี่ยนเงินระหว่างสกุลเงินกีบและสกุลเงินบาท ไทยพาณิชย์และพัฒนาลาวตกลงจะรับแลกเปลี่ยนเงินกีบและเงินบาทที่มีผู้นํามา ติดต่อขอแลกเปลี่ยนภายในวันและเวลาทําการของแต่ละธนาคาร ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ไทยพาณิชย์และพัฒนาลาวกําหนด

ข้อ 2 เพื่อสํารองไว้ชําระราคาค่าซื้อเงินกีบและเงินบาท และ/หรือ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ถ้ามี) ตามข้อตกลงนี้ พัฒนาลาวตกลงจะเปิดบัญชีเงินฝากเป็นสกุลเงินบาทไว้กับไทยพาณิชย์ และไทยพาณิชย์ตกลงจะเปิดบัญชีเงินฝากเป็นสกุลเงินกีบไว้กับพัฒนาลาว ตามวงเงินและกําหนดเวลาที่คู่สัญญาจะตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร และถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงฉบับนี้

ข้อ 3 พัฒนาลาวและไทยพาณิชย์ตกลงรับซื้อ-ขายเงินกีบ และเงินบาทด้วยกันภายใต้เงื่อนไขดังข้างล่างนี้

3.1 พัฒนาลาวจะแจ้งอัตราแลกเปลี่ยนที่พัฒนาลาวจะรับซื้อเงินกีบจากไทยพาณิชย์ให้ ทราบในแต่ละวันก่อนเวลา 09.00 น. หากพัฒนาลาวจะเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในระหว่างวันนั้น จะต้องแจ้งอัตราแลกเปลี่ยนใหม่นั้นให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งรับทราบล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนเวลาที่จะให้อัตราใหม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ราคารับซื้อ"

ดังนั้น คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับร่วมกันว่า หากพัฒนาลาวไม่ได้มีการแจ้งการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนให้คู่สัญญาอีก ฝ่ายหนึ่งรับทราบ หรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ตามเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ในวรรคก่อน ให้ถือว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่ไทยพาณิชย์ได้รับแจ้งจากพัฒนาลาวครั้งสุดท้าย ก่อนหน้านี้เป็นราคารับซื้อ

3.2 พัฒนาลาวจะรับซื้อเงินกีบทุกวันทําการ หรือตามกําหนดเวลาอื่นที่ไทยพาณิชย์เห็นสมควรจะขายก็ได้ ไทยพาณิชย์ต้องแจ้งจุดประสงค์จะขายเงินกีบ พร้อมทั้งจํานวนเงินที่จะขาย และวิธีการรับชําระให้พัฒนาลาวทราบก่อนเวลา 14.00 น. ของวันนั้น ภายหลังจากนั้น ไทยพาณิชย์ก็จะขนส่งจํานวนเงินที่ได้ขายไปส่งมอบให้แก่พัฒนาลาว ณ ที่ทําการที่อยู่เขตด่านชายแดนวังเต่า-ช่องเม็ก ภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง นับแต่เวลาที่คู่สัญญาฝ่ายที่ขายได้แจ้งจุดประสงค์จะขายเงินดังกล่าว

จํานวนเงินที่คู่สัญญาซื้อ-ขายกันแต่ละครั้ง เมื่อรวมราคารับซื้อ (คิดเป็นสกุลเงินบาท) แล้ว มีจํานวนไม่เกินวันละ 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) หรือเทียบเท่าเป็นเงินกีบ กรณีคู่สัญญามีจุดประสงค์จะซื้อ-ขายเกินจํานวนดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงกัน เกี่ยวกับจํานวนเงินส่วนที่เกินเป็นแต่ละครั้งไป

ข้อ 4 คู่สัญญายอมรับว่าในการปฏิบัติข้อตกลงฉบับนี้ แต่ละฝ่ายจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อกําหนด หลักการ เงื่อนไข และประกาศของแต่ละประเทศ โดยคู่สัญญาตกลงจะแจ้งข้อมูล และ/หรือ รายละเอียดต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งแต่ละฝ่ายจะต้องปฏิบัติให้อีกฝ่ายหนึ่งรับทราบด้วย

ข้อ 5 ในกรณีที่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีจุดประสงค์จะแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงฉบับ นี้ ให้แจ้งจุดประสงค์ดังกล่าวให้อีกฝายหนึ่งรับทราบเป็นลายลักษณ์อักษร การแก้ไขหรือเพิ่มเติมต้องทําเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเอกสารซ้อนท้ายของข้อ ตกลงฉบับนี้ และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงฉบับนี้เช่นเดียวกัน

ข้อ 6 คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิยกเลิกความตกลงตามข้อตกลงฉบับนี้ โดยให้แจ้งจุดประสงค์ดังกล่าวให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้เป็นลายลักษณ์อักษรล่วง หน้าไม่ต่ำกว่า 7 วัน ก่อนวันที่ให้มีผลในการยกเลิก ข้อตกลงฉบับนี้จะปฏิบัติเฉพาะพัฒนาลาว และไทยพาณิชย์ที่อยู่เขตด่านชายแดนวังเต่า-ช่องเม็ก

ข้อ 7 คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้เข้าใจด้วยกันว่าบรรดาสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายตามเนื้อหาของข้อตกลงฉบับนี้มีผลนับแต่วันที่ลงนามข้อ ตกลงฉบับนี้เป็นต้นไป โดยคู่สัญญาจะเริ่มปฏิบัติการซื้อขายกันโดยการชําระราคาซื้อ-ขายด้วยเงินสด ไปจนกว่าจะมีการเปิดบัญชีระหว่างกันตามข้อ 2 ข้างต้น

ข้อ 8 ข้อตกลงฉบับนี้ได้ทําขึ้นเป็นสองภาษา ได้แก่ภาษาลาว และภาษาไทย แต่ละภาษาเป็นสองฉบับ มีความหมายถูกต้องตรงกัน และมีคุณค่าเท่าเทียมกัน ในกรณีหากมีข้อขัดแย้ง คู่สัญญาจะทําการปรึกษาหารือเพื่อรวมกันแก้ไขโดยสันติวิธี หากมีกรณีต้องฟ้องร้องบังคับคดีเกี่ยวกับข้อตกลงฉบับนี้ ก็ให้ศาลประเทศของคู่สัญญาที่เป็นจําเลยเป็นผู้มีสิทธิอํานาจพิจารณา และให้ใช้กฎหมายภายในของประเทศคู่สัญญาที่เป็นจําเลยบังคับ

ทั้งสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจความหมายในข้อตกลงฉบับนี้โดยตลอดแล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ต่อหน้าพยาน และแต่ละฝ่ายรักษาไว้ฝ่ายละสองฉบับ (ภาษาลาวและภาษาไทย)

ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน)
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม
กรรมการผู้จัดการใหญ่

นายโกสินทร์ ฐิตะภาส
ผู้จัดการโครงการกัมพูชาและลาว

ธนาคารพัฒนาลาว
ท่านหุมเพ็ง มะนีไซ
ผู้อํานวยการใหญ่

ท่านเคือบ อินสาน
รองผู้อํานวยการใหญ่

ที่มา : เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย
http://www.bot.or.th/Thai/EconomicConditions/AsianEconomies/Laos/Info_Laos/Documents/MOU%20Thai%20final_edit1.pdf