Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา พฤษภาคม 2553
Quake Absorbing House by the Air             
โดย ภก.ดร. ชุมพล ธีรลดานนท์
 


   
search resources

Innovation




เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจรับสร้างบ้านที่ไม่หวั่นแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ก็คืออุปกรณ์ช่วยที่ติดตั้งอยู่ใต้พื้นบ้านซึ่งเป็นราวกับของวิเศษจากกระเป๋ามิติที่ 4 ของโดราเอมอนที่สูบอัดอากาศขึ้นมาปกป้องบ้านเรือนในขณะเกิดแผ่นดินไหวได้อย่างมหัศจรรย์

สถิติโดยประมาณของอุบัติการณ์การเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นที่รายงานโดย Japan Meteoro-logical Agency (JMA) วัดได้ 1,600 ครั้งต่อปีหรือ ราว 4-5 ครั้งต่อวัน ซึ่งแผ่นดินไหวที่เครื่องตรวจจับสามารถบันทึกได้ส่วนใหญ่มีแรงสั่นสะเทือนใน ระดับต่ำที่ร่างกายมนุษย์ไม่รู้สึกแต่ในขณะเดียวกันโอกาสของความเป็นไปได้ ต่อการเกิดแผ่นดินไหวในระดับรุนแรงที่ก่อความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ก็มีอยู่สูงไม่แพ้กัน

ทั้งนี้เนื่องเพราะลักษณะทางภูมิประเทศของญี่ปุ่นอันประกอบด้วยเกาะที่สำคัญ 4 เกาะและหมู่เกาะน้อยใหญ่อีก 6,848 เกาะ ซึ่งทอดตัวอยู่ทางตะวันตกของแนวภูเขาไฟบริเวณรอยต่อของเปลือกโลก ที่เรียกว่า The Ring of Fire ซึ่งเป็นแนวที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่และการชนกันของเปลือกโลก

ธรณีเบื้องล่างของประเทศญี่ปุ่น มีรอยต่อของเปลือกโลกอยู่ถึง 4 แผ่นได้แก่ Pacific Plate ทางตะวันออก, Okhotsk Plate ทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ, Eurasian Plate ทางตะวันตกและ Philippine Sea Plate ทางใต้ (ภาพที่ 1)

ในความเป็นจริงแล้วรอยต่อของ เปลือกโลกดังกล่าวมิได้วางต่อกันอยู่เฉยๆ หากแต่กำลังเคลื่อนตัวช้าๆอย่างมีพลวัต กล่าวคือ Pacific Plate ดันตัวมุดแทรกลงใต้ Okhotsk Plate และ Philippine Sea Plate (ภาพที่ 1 ลูกศรสีแดง) ในขณะที่ Philippine Sea Plate ก็เคลื่อนตัวมุดแทรกลงใต้ Eurasian Plate อีกต่อหนึ่ง (ภาพที่ 1 ลูกศรสีชมพู) ซึ่งความซับซ้อนของเปลือกโลกในบริเวณนี้มีส่วนสัมพันธ์กับกลไกการเกิดแผ่น ดินไหวอยู่ 3 รูปแบบ (ภาพที่ 2) และเป็นมูลเหตุให้มีแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องมา แต่อดีต

แผ่นดินไหวที่เกิดจากแรงเค้นบริเวณขอบรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกมักมี จุดกำเนิดอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิกทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น พบได้บ่อยและมีระดับความรุนแรงสูง ตัวอย่าง เช่น กรณีของ Great Kanto Earthquake ปี 1923 ความแรง Magnitude (M) 7.9 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 140,000 คน, Tonankai Earthquake ปี 1944

ความแรง M 7.9 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 คน

แผ่นดินไหวที่เกิดจากแรงดันภายในแผ่นเปลือกโลกซึ่งเป็นกลไกที่พบน้อยกว่าและส่วนใหญ่มีความรุนแรงต่ำกว่าแผ่นดินไหวแบบแรกแต่บางครั้ง ก็เกิดเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้ เช่น Sanriku Earthquake ปี 1933 ความแรง M 8.1 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 3,000 คน, Kushirooki Earthquake ปี 1993 ความแรง M 7.5 มีผู้เสียชีวิต 2 คน

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจากภายใต้ธรณีซึ่งแม้จะมีค่า Magnitude ต่ำแต่สร้างความเสียหายได้ในบริเวณกว้าง เนื่องจากมีจุดกำเนิดใกล้ผิวดิน ดังนั้นในกรณีที่มีค่า M 6.0 ขึ้นไปอาจทำให้เมืองทั้งเมืองพังลงได้ เช่น

Nobi Earthquake ปี 1891 ความแรง M 8.0 มีผู้เสียชีวิต 7,273 คน, Great Hanshin Earthquake ปี 1995 ความแรง M 7.3 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 6,400 คน

นอกจากนี้บริเวณที่เรียกว่า Itoigawa-Shizuoka Tectonic Line (ISTL เส้นสีเหลืองในภาพที่ 1) มีความยาวกว่า 100 กิโลเมตรเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงมากต่ออุบัติการณ์การเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น

ในช่วงปี 1994-2008 มีรายงานจำนวนครั้งของแผ่นดินไหวที่ระดับความรุนแรงมากกว่า M 6.0 เกิดขึ้นในญี่ปุ่นราว 22% ของแผ่นดินไหวในระดับเดียวกันซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก

แม้ว่าภูมิประเทศของญี่ปุ่นจะอยู่ในทำเลที่ตั้งที่เผชิญหน้ากับธรณี พิบัติภัยมาโดยตลอดแต่แนวคิดพื้นฐานการดำเนินชีวิตของชาวญี่ปุ่นกลับกลมกลืน และสอดคล้องอยู่กับธรรมชาติซึ่งฝั่งรากลึกมาแต่โบราณกาล ดังเช่นความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า การขยับตัวของปลาดุกยักษ์ที่อยู่ใต้ผืนดินทำให้เกิดแผ่นดินไหว

จวบกระทั่งสมัยปฏิรูปเมจิ (ค.ศ.1868-1912) ที่มีการศึกษาวิทยาการสมัยใหม่อย่างจริงจังซึ่งบูรณาการไปเป็นทฤษฎี, มีการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ทางธรณีวิทยาจนได้ชื่อว่ามีเทคโนโลยีเกี่ยว ข้องกับแผ่นดินไหวที่หลากหลายและก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีฐานข้อมูลและระบบ เตือนภัยเมื่อเกิดแผ่นดินไหว, Tsunami, ภูเขาไฟระเบิดที่รวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่นำมาใช้บรรเทาภัยธรรมชาติ

กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานความปลอดภัยของ อาคารฉบับปัจจุบันระบุไว้ว่าอาคารแต่ละแห่งที่ได้รับการอนุญาตให้สร้างขึ้น จะต้องสามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้มากกว่าระดับ 6.0 ตามมาตรฐานของ JMA

กระนั้นก็ตามยังไม่เพียงพอที่จะรับประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงแต่อย่างน้อยที่สุดอาคารของโรงเรียนและโรงพยาบาล ทั่วประเทศญี่ปุ่นซึ่งใช้เป็นสภานที่หลบภัยฉุกเฉินนั้นได้รับการสร้างขึ้น ด้วยงบประมาณสูงเพื่อให้มีความทนทานต่อแผ่นดินไหวที่มีระดับความรุนแรง มากกว่าอาคารทั่วไป 1.5 เท่าตัวตามข้อกำหนดของรัฐบาลญี่ปุ่น

เมื่อเร็วๆ นี้แนวคิดนอกกรอบที่ประยุกต์แรงดันอากาศมาลดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแผ่นดินไหวได้จดสิทธิบัตรไว้ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น

การทำงานของอุปกรณ์พิเศษนี้จะเริ่มขึ้นหลังจากที่เครื่องตรวจพบแผ่นดิน ไหวที่มีระดับความรุนแรงตั้งแต่ M 3.0 ขึ้นไปซึ่งเครื่องจะส่งเสียงเตือน ภัยเข้าสู่ลำโพงให้คนภายในบ้านทราบพร้อมกับสูบอัดอากาศเข้าสู่อุปกรณ์ดัง กล่าวยกตัวบ้านให้สูงขึ้นจากพื้นดิน 2.5 เซนติเมตร ทำให้บ้านมีสภาพเสมือน ลอยอยู่กลางอากาศในขณะเกิดแผ่นดินไหวช่วยลดแรงสั่นสะเทือนที่ฐานของตัวบ้าน

หลังจากแผ่นดินไหวสงบลงแรงดันอากาศภายในอุปกรณ์จะค่อยๆ ปล่อยออกและนำตัวบ้านกลับสู่ตำแหน่งเดิม ด้วยเหตุนี้จึงสามารถป้องกันการพังทลายของบ้านและปกป้องชีวิตรวมทั้งทรัพย์สินไม่ให้หล่นแตกเสียหาย

กลไกการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถคำนวณได้โดยสมมุติให้น้ำหนักของบ้านพื้นที่ 250 ตารางเมตรทั้งหลังเท่ากับ 100 ตัน แรงดันอากาศภายในอุปกรณ์จะมีค่าเท่ากับ 0.12 kgf/cm2 หากเทียบกับแรงดันภายในยางรถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งมีแรงดันอากาศเฉลี่ย 2.0 kgf/cm2 แล้วพบว่าหลักการของอุปกรณ์นี้อธิบายได้ตามหลักฟิสิกส์พื้นฐาน

นอกจากนี้แบตเตอรี่ของระบบใช้ไฟเพียง 12 โวลต์ซึ่งสามารถทำงานได้แม้ในขณะไฟดับ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบสภาพความพร้อมของอุปกรณ์ ได้ทุกขณะ

กอปรกับกระบวนทัศน์ทางการตลาดที่กำหนด สนนราคาเริ่มต้นของเทคโนโลยีใหม่นี้ไว้ที่ 3.5 ล้านเยน เมื่อเทียบกับราคาโดยเฉลี่ยของการก่อสร้างบ้าน ขนาดพื้นที่ 250 ตารางเมตร หนึ่งหลังในราคา 60 ล้านเยนนั้นประชาชนทั่วไปก็สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์นี้ได้

Quake Absorbing House by the Air นี้ไม่เพียงแต่เปิดมิติใหม่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการรับสร้างบ้านภายในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีส่งออกชิ้นใหม่ในอนาคตอันใกล้ ที่สามารถขยายไปสู่ลูกค้าทั่วโลกได้โดยเฉพาะในประเทศที่ตั้งอยู่บนแนวของ The Ring of Fire   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us