Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2533
ราคาหุ้นกลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์นับแต่นี้เป็นบทพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของผู้บริหาร             
 


   
search resources

Stock Exchange




สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในอนาคตข้างหน้ามีแนวโน้มพลิกผันไปจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอย่างหน้ามือเป็นหลังมือธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ที่จับพลัดจับพลูได้ดีขึ้นจากภาวะการซื้อขายหุ้นในช่วงก่อนหน้านั้นมาถึงวันนี้ ผู้บริหารก็จะต้องมีความเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า แนวโน้มราคาหุ้นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แต่ละแห่งจะเป็นเช่นไร นับแต่นี้ต่อไป ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้บริหารเท่านั้น

ความยืดเยื้อของสถานการณ์ในตะวันออกกลางในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบถึงกิจการหลายสาขาในประเทศไทยโดยเฉพาะบริษัทอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันเป็นพลังงานหลักในการผลิตและขนส่ง

ราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วงเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมาจึงตกต่ำลงมามากโดยถ้วนหน้า เฉกเช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มกิจการอื่น ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะการณ์ ที่ปัจจัยพื้นฐานทั้งหลายได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด

ในขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน โดยเฉพาะกิจการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ที่เคยถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ดังกล่วน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆนั้นราคาหุ้นกลับมีการเปลี่ยนแปลงลดลงที่รุนแรงมากกว่า

เมื่อเปรียบเทียบจากดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ จากที่ได้พุ่งขึ้นไปสู่ระดับ 1,142.63 จุด ในวันที่ 1 สิงหาคม ก่อนที่จะเกิดวิกฤติการณ์ขึ้น 1 วัน และได้ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 613.95 จุดในวันที่ 25 กันยายน มีอัตราการลดลงเท่ากับ 46.27% ภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนกว่า ๆ

ดัชนีราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากจุดสูงสุดที่ระดับ 373.10 จุดในวันที่ 1 สิงหาคม ได้ลดลงมาต่ำสุดที่ระดับ 231.72 จุดในวันที่ 25 กันยาบน คิดเป็นอัตราการลดลงเท่ากับ 37.89%

ดัชนีราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ จากจุดสูงสุดในระดับ 2,923.47 จุด ในวันที่ 19 กรกฎาคม ได้ลดลงมาต่ำสุดที่ระดับ 1,698.28 จุดในวันที่ 25 กันยายน คิดเป็นอัตราการลดลงเท่ากับ 41.91%

ดัชนีราคาหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง จากจุดสูงสุดในระดับ 6,670.90 จุด ในวันที่ 19 กรกฎาคม ได้ลดลงมาต่ำสุดที่ระดับ 3,547.11 จุดในวันที่ 25 กันยายน คิดเป็นอัตราการลดลงเท่ากับ 46.83%

ดัชนีราคาหุ้นกลุ่มสิ่งทอ จากจุดสูงสุดในระดับ 1,166.07 จุด ในวันที่ 2 สิงหาคม ได้ลดลงมาต่ำสุดที่ระดับ 570.55 จุดในวันที่ 16 พฤศจิกายน คิดเป็นอัตราการลดลงเท่ากับ 51.07%

แต่สำหรับดัชนีราคาหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้ขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 7,261.01 จุดในวันที่ 27 กรกฎาคมและได้ตกลงมาต่ำสุดที่ระดับ 2,921.98 จุด ในวันที่ 27 กันยายนซึ่งคิดเป็นอัตราการลดลงถึง 59.76% ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน

แหล่งข่าวในวงการค้าหลักทรัพย์ให้ความเห็นว่าไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจถ้าราคาหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จะมีการเปลี่ยนแปลงลดลงที่รุนแรงกว่ากลุ่มอื่น ๆ เพราะก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ภาวะตลาดยังดีอยู่ ราคาหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ก็มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่สูงกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ เช่นกัน

หุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นั้น อาจจัดรวมเข้าไปอยู่ได้ทั้งหุ้นบลูชิพที่มีนักลงทุนให้ความสนใจจะซื้อเก็บไว้เพื่อการลงทุนระยะยาว และเป็นได้ทั้งหุ้นกลุ่มเก็งกำไรระยะสั้น ที่มีความเคลื่อนไหวค่อนข้างหวือหวา

โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือมูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ทวีความคึกคักขึ้นตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา ส่งผลให้รายได้ของกิจการประเภทนี้โดยเฉพาะค่านายหน้าและกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่ได้มาจากดอกเบี้ยมีอัตราการขยายตัวตามขึ้นมาด้วย

จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าสถานการณ์ในตลาดหุ้นจะเป็นเช่นไร หุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ก็ยังเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจ มีทั้งนักลงทุนและเก็งกำไรเข้ามาซื้อขายอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ในปริมาณค่อนข้างสูง นอกจากนี้เวลาโบรกเกอร์จะให้คำแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้า ก็จะต้องมหุ้นในกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่งติดขึ้นมาด้วยเสมอ

สำหรับในช่วงที่เพิ่งเกิดวิกฤติการณ์ในอ่าวเปอร์เซียขึ้นมาใหม่ ๆ ครั้งแรกผู้เชี่ยวชาญในตลาดหุ้นทั้งหลายยังเคยมองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบกับหุ้นในกลุ่มนี้มากนัก เนื่องจากไม่มีใครคาดว่าเหตุการณ์ทั้งหลายจะยืดเยื้อต่อเนื่องมาถึงขั้นนี้

ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว ทุกคนก็ยังมีความหวังกันว่าตราบใดที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000 ถึง 2,500 ล้านบาทแล้วค่านายหน้า หรือกำไรจากการซื้อขายหุ้นที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เหล่านี้จะได้ ก็ยังมากเพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเลวร้ายลงไหว

แนวความคิดดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมุติฐานของภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ว่า

หนึ่ง-ในปี 2534 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ ซึ่งหากเป็นผลสำเร็จ ก็จะทำให้การซื้อขายหุ้นมีความสะดวก รวดเร็วจนดึงดูดให้คนสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น และมูลค่าการซื้อขายหุ้นจะเพิ่มขึ้นจากเมื่ออดีตอีกหลายเท่าตัว

สอง - สภาพตลาดเงินที่ไม่ตึงตัวจนเกินไป และอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงจนถึงดูดให้คนสนใจนำเงินไปฝากธนาคารมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น

และสาม-ความที่ทุกคนต่างเชื่อกันว่าถ้าเหตุการณ์ครั้งนี้สิ้นสุดลงภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และตลาดหุ้นกลับฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง มูลค่าหลักทรัพย์ที่แต่ละบริษัทได้ลงทุนซื้อไว้ ซึ่งได้ประสบกับกาขาดทุนมาแล้วในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็จะกลับเพิ่มสูงขึ้นมาไดจนไม่ส่งผลถึงฐานะการดำเนินงานของแต่ละบริษัท

แต่ความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นดังคาด เพราะการซื้อขายหุ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ได้เลื่อนกำหนดระยะเวลาออกไปเรื่อย ๆ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมาก็เปลี่ยนเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีหน้า และอาจจำเป็น ต้องเลื่อนออกไปอีกเมื่อแมรี่ โจ รองประธานบริษัทมิดเวสต์ สต๊อกคเอ็กซ์เช้นจ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้กับตลาดหลักทรัพย์ได้เสียชีวิตลงเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ประกอบกับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ก็ได้เกิดภาวะเงินที่ตึงตัวขึ้นอย่างสุดขีด อัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ได้พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเริ่มลังเลใจทีจะนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น

และที่สำคัญที่สุดคือเหตุการณ์ในตะวันออกกลางที่น่าจะจบลงด้วยดีโดยเร็ว กลับยืดเยื้อต่อเนื่องมาอีก หนำซ้ำยังโดยกระหน่ำด้วยวิกฤตการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทย ทำให้ตลาดหุ้นที่ทำท่าว่าจะกลับฟื้นตัวขึ้นมาได้หลายครั้ง ก็มีอันจะต้องทรุดลงไปอีก จนในที่สุด มูลค่าการซื้อขายหุ้นในแต่ละวันก็ค่อย ๆ ลดลงมาตามลำดับเหลือเพียงวันละประมาณ 1,000 ถึง 1,500 ล้านบาทโดยเฉลี่ย

"ตอนนี้ใครที่มีหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ถ้ามาถามผมจะแนะนำให้ขายออกไปก่อน" ศิริวัฒน์ วรเวทย์วุฒิคุณนักลงทุนมืออาชีพ เคยกล่าวกับ "ผู้จัดการ" เมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มดังกล่าวที่เคยถูกมองว่าดี ถึงตอนนี้ปรากฏว่าได้เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามเสียแล้ว

โดยเฉพาะในด้านผลประกอบการ ที่ในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้าตัวเลขกำรของหุ้นในกลุ่มนี้ที่เคยมีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั้น หลังจากนี้เป็นต้นไปแนวโน้มตัวเลขกำไรดังกล่าวจะมีอัตราที่ลดต่ำลง ในทางตรงข้าม บางบริษัทอาจถึงขั้นประสบกับการขาดทุน หากการบริการเงินลงทุนในพอร์ตของบริษัทนั้นไม่ดีพอ ซึ่งจากงบการเงินงวดไตรมาส 3 ปีนี้ ก็เริ่มปรากฏว่าบางบริษัทที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนให้เห็นกันบ้างแล้ว

"งบงวด 9 เดือนที่ประกาศออกมา ยังไม่แสดงให้เห็นภาพของผลกระทบที่เด่นชัด เพราะหลายบริษัทยังมีตัวเลขกำไรในเดือนกรกฎาคม ก่อนเกิดสงครามอิรัก-คูเวตมาถัวเฉลี่ยไว้ทำให้ตัวเลขผลกำไรยังพอดูดีอยู่ แต่ในงบงวด 1 ปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมที่จะถึงนี้จะชี้ให้เห็นอย่างชดัเจนว่าแต่ละบริษัทจะเจอปัญหาขนาดไหน เพราะเป็นการเปรียบเทียบกันระหว่างสถานการณ์ที่มีความตรงข้ามกันมาก" ศิริวัฒน์ย้ำ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มบริาทเงินทุนหลักทรัพย์จะแปรเปลี่ยนไปจากช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า จนทำให้ความสนใจเก็งกำไรหุ้นกลุ่มนี้ลดน้อยลง เนื่องจากราคาอาจม่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างหวือหวาดังเช่นแต่ก่อน แต่เนื่องจากผลทางจิตวิทยา ทำให้หุ้นหลายตัวมีราคาที่ลำต่ำลงมา จนถึงระดับทนจะเข้าไปลงทุนในระยะยาวได้แล้ว

เพียงแต่การคัดเลือกตัวหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนรอบนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาให้ดีอยู่บางประการ

ประการแรกต้องพิจารณาถึงสัดส่วนรายได้ของบริษัทนั้น ๆ ว่ามาจากส่วนไหนมากกว่ากัน ระหว่างธุรกิจเงินทุน กับธุรกิจหลักทรัพย์โดยดูจากงบการเงินในส่วนของรายได้จากดออกเบี้ยและเงินปันผลที่แสดงถึงผลการดำเนินงานด้านธุรกิจเงินทุน และ ดูจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่แสดงถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจ หลักทรัพย์

ถ้ารายได้ของบริษัทนั้นส่วนใหญ่าจากธุรกิจหลักทรัพย์ก็ต้องวิเคราะห์ว่าตลาดหุ้นในปีหน้าจะมีแนวโน้มจะขยายตัวไปในทิศทางใด และบริษัทนั้นได้มีการปรับตัวรับกับสถานการณ์ไว้แล้วอย่างไรบ้าง เพราะในช่วงที่ตลาดยังดีอยู่มีบางบริษัททีได้มีการลงทุนในด้านหลักทรัพย์ไปมากทั้งในด้านกำลังคนและคอมพิวเตอร์และถึงกับลดสัดส่วนธุรกิจด้านเงินทุนลงมา เพราะเห็นว่าส่วนต่างของกำไรได้น้อยกว่าด้านธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งในการลงทุนนั้นบางครั้งก็ยังไม่ถึงจุดที่คุ้มทุนก็เกิดวิกฤตการร์ตลาดหุ้นตกต่ำขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งจะเป็นการเสี่ยงมากถ้าเข้าไป ลงทุนในหุ้นของบริษัทนี้

แต่ถ้ารายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเงินทุน ก็ต้องดูว่าส่วนต่างของดอกเบี้ยรับและจ่ายของบริษัทนั้นเป็นอย่างไร เพื่อที่จะวิเคราะห์ได้ว่าต้นทุนเงินที่บริษัทนั้นหามาปล่อยสินเชื่อต่อไปนั้นสูงหรือต่ำแค่ไหน และโครงการที่ปล่อยเงินกู้ไปนั้น จะให้ผลตอบแทนกลับมาในอัตราส่วนที่คุ้มค่าหรือไม่

นอกจากนี้จะต้องดูด้วยว่าโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทนั้นปล่อยสินเชื่อให้ไป เป็นโคงรการประเภทใดมีแนวโน้มหรืออนาคต หรือไม่เช่นถ้าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งนั้นเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับกิจการประเภทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากเกินไปก็ค่อนข้าง จะเสี่ยงเพราะแนวโน้มของธุรกิจนี้ต้องเป็นมืออาชีพเท่านั้นจึงจะอยู่ได้

ข้อควรพิจารณาอีกประการคือถ้าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งนั้นมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจทั้ง 2 ประเภทใกล้เคียงกันก็จะต้องมดาที่ภูมิหลังในเรื่องการบริหาร ว่ามีความเป็นมืออาชีพมากน้อยเพียงใด

สรุปได้ว่าแนวโน้มของราคาหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นับแต่นี้เป็นต้นไป จะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารงานของแต่ละบริษัทว่าจะปรับตัวรับกับสถานการณ์ทางธุรกิจปัจจุบันได้แค่ไหน ซึ่งนักลงทุนจะต้องใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถี่ถ้วน

ความเปลี่ยนเปลงของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเทียบกับดัชนีราคาหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ จะเห็นว่าในขณะที่ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ลดลงมาเพียง 46.27% ภายหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ แต่ดัชนีราคาหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ลดต่ำลงมาถึง 59.76%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us