|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมานี้ “เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์” นับว่าเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่องในไทย กระทั่งปีนี้ตลาดมีมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท จากการมีผู้ประกอบการในยุคแรกๆ เข้ามาสร้างตลาด ด้วยการบุกเบิกเซกเมนต์เพื่อความงาม ผิวขาว หรือชะลอริ้วรอย ทำให้ฟังก์ชันนัลดริงก์ กลายเป็นเครื่องดื่มแพร่หลายสำหรับสาวไทยโดยปริยาย
ทว่านั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฟังก์ชันนัลดริงก์ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะตลาดยังสามารถมีเซกเมนต์แยกย่อยอีกมากมาย โดยเฉพาะ”เครื่องดื่มบำรุงสมอง”ที่กำลังมาแรงในปีนี้ จากการมีผู้เล่นเริ่มเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง สมาร์ท ที ชอท, เบรนฟิต ,เปปทีน ร่วมสร้างตลาดต่อยอดความต้องการของผู้บริโภคที่นอกจากต้องการสวย ดูดี แต่ต้องมีสมองด้วยภายใต้คอนเซปต์”สวยใส มีสมอง”
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัล ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้โมกุ โมกุ และบิวติ ดริ้งค์ เปิดเผยว่า เครื่องดื่มบำรุงสมองเป็นอีกเซกเมนต์หนึ่งที่มีศักยภาพและเติบโตดี และการรับรู้ถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคได้รับความรู้จากการป้อนข้อมูลมาแล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้นหลังจากได้เปิดตัวสมาร์ท ทีชอท ซึ่งเป็นเรียลฟังก์ชันนัล ในปีนี้จึงได้เปิดตัวสมาร์ท ที ชอท บรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท เพื่อขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย
กลยุทธ์การทำตลาดของสมาร์ท ที ชอท ด้วยการส่งบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท ซึ่งนับว่าเป็นรายแรกนั้น ก็เพื่อให้ผู้ดื่มดื่มได้ง่ายมากกว่าการดื่มเรียลฟังก์ชันนัล ซึ่งจะจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มนิชมาร์เก็ตเท่านั้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเรียลฟังก์ชันนัล มีข้อจำกัดในเรื่องของรสชาติ เมื่อเทียบกับในรูปแบบขวดเพ็ท อาจดื่มได้ง่ายมากกว่า และช่วยเพิ่มความสดชื่น ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายระดับแมสได้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเซกเมนต์นี้ฐานลูกค้าหลักมาจากผู้ชายส่วนใหญ่ ส่วนกลุ่มผู้หญิงเป็นส่วนน้อย
***เปปทีนผจญศึกแบรนด์สองด้าน***
สำหรับด้านโอสถสภา ผู้ปลุกปั้นเครื่องดื่มบำรุงสมอง”เปปทีน” กลยุทธ์การตลาดปีนี้ นายยอดมิตร ทองยงค์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนัล กล่าวว่า เปปทีนมุ่งเน้นการสื่อสารและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดตัวลงสู่ตลาดมากว่า 2 ปี ล่าสุดบริษัทได้จัดโครงการ “เปปทีน จีเนียส เจเนอเรชั่น หรือโครงการเตรียมสมองพร้อมสอบ” Peptein Online Exam Simulator เปิดโอกาสให้นักเรียนที่กำลังสอบเข้าอุดมศึกษา ได้เข้าร่วมการติวเข้มการศึกษาเพื่อเสริมประสิทธิภาพการเตรียมสมองให้พร้อมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้การจัดโครงการเปปทีน จีเนียส เจเนอเรชั่น นับว่าเป็นการตลาดอันแยบยลของเปปทีนที่เชื่อมโยงคอนเซปต์ของเปปทีนหรือเครื่องดื่มอาหารสำหรับสมองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม คือ วัยทำงาน ครอบครัว และนักเรียน นักศึกษา และยังสร้างพฤติกรรมของผู้บริโภค ซื้อไปเพื่อเยี่ยมผู้ป่วย รวมถึงการเป็นกระเช้าสำหรับของขวัญปีใหม่ ซึ่งโมเดลการตลาดเดียวกับแบรนด์ซุปไก่สกัด แม้ว่าจะเป็นคู่ชกในความเหมือน ก็ยังมีความต่าง เพราะแบรนด์ซุปไก่สกัด จัดเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่าจะเป็นเครื่องดื่มบำรุงสมอง
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อยู่ๆ เซเรบอส จะนำแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ดโต้ตอบเปปทีน โดยออกมาเคลื่อนไหวด้วยการนำภาพยนตร์โฆษณาที่มี “หนูดี –วนิษา เรซ” ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการสมองคนแรกของไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ชนิดเม็ด มาเผยแพร่อีกครั้งเพื่อตอกย้ำการรับรู้ ซึ่งก็เท่ากับว่าเปปทีนผจญกับคู่แข่ง 2 ด้าน ทั้งแบรนด์ซุปไก่สกัดและชนิดเม็ด ขณะที่เปปทีนยังมีข้อจำกัดในเรื่องของรสชาติที่ดื่มได้ค่อนข้างยาก
ส่วนด้านบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ ก็ดำเนินการตลาดที่คล้ายคลึงกับเข้าไปจัดกิจกรรมตามสถาบันการศึกษา เป็นต้น พร้อมกับการนำผู้ประกาศข่าวช่อง 3”ไก่ –ภาษิต อภิญญาวาท มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของสินค้า
***ชูกำลังบาวแดงฯร่วมเกาะขบวน***
นายกมลดิษฐ์ สมุทรโคจร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงได้ปรับสโลแกน “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” เปลี่ยนเป็น “เติมเต็มคุณค่าให้กับชีวิต” พร้อมหันมาชูการมีส่วนผสมวิตามินบี 12 เพื่อสร้างภาพลักษณ์เครื่องดื่มชูกำลังเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ โดยบริษัทได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณานำ “แอ๊ด คาราบาว” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผ่านการสื่อสารการทำให้ร่างกายแข็งแรง ก็ต้องมาจากการมีความคิดดีๆ
ที่ผ่านเครื่องดื่มชูกำลังมีวิตามินบี 12 อยู่แล้ว แต่ไม่มีผู้ประกอบการรายใดชูจุดขายแต่อย่างใด การพลิกการตลาดครั้งนี้ของคาราบาวแดง แม้ว่าผู้บริหารจะกล่าวว่า เป็นการทดลองเท่านั้น แต่ก็เป็นเสมือนการเกาะขบวนรถไฟสายเครื่องดื่มบำรุงสมองที่กำลังมาแรงได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าให้ดีขึ้น นอกเหนือจากเป็นเครื่องดื่มใช้แรงงานเพียงอย่างเดียว แถมยังมีมูลค่าเพิ่มทางด้านสมองด้วย
“เป้าหมายการชุจุดขายการมีส่วนผสมวิตามิน เพื่อต้องการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เนื่องจากคำเตือนห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจหรือกล้าๆ กลัวๆ ที่จะดื่มสินค้า ความถี่ในการดื่มจึงมีเพียง 3 ขวดต่อสัปดาห์ แต่เราต้องการกระตุ้นความถี่เพิ่มขึ้นเป็น 4 ขวดต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาทดลองดื่ม นอกเหนือจากกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง” นายกลมดิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย
คงต้องจับตาดูอนาคตฟังก์ชันนัลดริงก์กันให้ดีๆ สำหรับตลาดเมืองไทย เพราะปีนี้เซกเมนต์ใหม่ๆ ทยอยแจ้งเกิด แม้ปัจจุบันเซกเมนต์เครื่องดื่มเพื่อความงามนับว่าเป็นตลาดใหญ่ และล่าสุดเซกเมนต์เครื่องดื่มอาหารสมองซึ่งนับว่าเตรียมแจ้งเกิดเต็มตัว
ขณะที่ยังมีอีกหลายเซ็กเม้นต์ที่รอแจ้งเกิด อาทิ ทรัพย์อนันต์สร้างเซกเมนต์เครื่องดื่มเสริมกล้ามเนื้อหรือ”ฟิตแอนด์เฟิร์ม” และล่าสุดบีอิ้ง จากค่ายเบียร์สิงห์ พยายามสร้างอีกหนึ่งเซกเมนต์ คือ เครื่องดื่มบำรุงสายตา ภายใต้รสชาติ”อาย แคร์” แบรนด์ใดจะอยู่หรือจะไป ! สมรภูมิรบฟังก์ชันนัลดริงก์ในตลาดไทยยังอีกยาวไกล เพราะเป็นยุคแห่งการเริ่มต้นเท่านั้น
|
|
|
|
|