|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ม็อบถ่อย ฉุด เกษรพลาซ่า รายได้สะเทือน สิ้นปีโตไม่ถึง 10% หลังปิดบริการศูนย์ฯมา 31 วันเต็ม เดินหน้าช่วยเหลือตัวเองผุด “Pop-Up Retail Store” ยึดพื้นที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ช่วยผุ้เช่าศูนย์ฯ40 แบรนด์ดังระบายสินค้า เผยแผนฟื้นฟูศูนย์ฯ ช้าสุดไม่เกิน 1 เดือนนี้ หวังนักชอปหวนคืนอย่างน้อย 80%
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์ แอสเซท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า เกษรพลาซ่า เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กลุ่มนปช.ได้ทำการยึดพื้นที่ย่านสี่แยกราชประสงค์เพื่อทำการชุมนุมเรียกร้องรัฐบาลนั้น ส่งผลให้ทางศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ต้องทำการปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. จนถึงปัจจุบัน รวมแล้วกว่า 31 วันที่ผ่านมา
แน่นอนว่า จากการปิดให้บริการศูนย์การค้าเกษรพลาซ่านั้น ย่อมทำให้เกิดความเดือนร้อน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผุ้เช่าพื้นที่ภายในศูนย์ฯ ที่มีกว่า100 แบรนด์สินค้าที่เปิดให้บริการภายในศูนย์ฯ ซึ่งกว่า 25 แบรนด์จะเป็นระดับอินเตอร์แบรนด์ที่มีความเป็นพรีเมี่ยมสูง และอีก 50-60 ราย เป็นมีเดียมแบรนด์ ที่เหลือเป็น เอสเอ็มอีของไทย รวมถึงพนักงานที่เกี่ยวข้องกับทางศูนย์ฯจำนวนกว่า 780-800 ราย ต้องได้รับความเดือนร้อน ซึ่งตลอด 1 เดือนที่ผ่านมานี้ แต่ละแบรนด์ที่มีจำหน่ายภายในศูนย์ฯนั้น ยังไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้เลย
ส่วนทางศูนย์ฯเองนั้นก็มีมาตรการรองรับเบื้องต้น เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่เช่าพื้นที่ภายในศูนย์อย่างเต็มที่ เพราะตามสัญญาการเช่าพื้นที่ได้มีระบุถึงเรื่องของการปิดศูนย์ฯว่าทางศูนย์จะคืนค่าเช่าให้ได้มากแค่ไหน ส่วนพนักงานของทางศูนย์ฯเองนั้น 1 เดือนที่ผ่านมา ยังคงได้รับเงินเดือนเต็ม ซึ่งมีประมาณ 100 กว่าราย
ล่าสุดทางศูนย์ฯได้ปรับกลยุทธ์การขายและการตลาดให้เข้ากับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ในรูปแบบของ Pop-Up Retail Store โดยการหาพื้นที่ภายนอกศุนย์ฯที่มีภาพลักษณ์และกลุ่มทาร์เก็ตลูกค้าตรงกับแบรนด์ของผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์ฯ เพื่อช่วยเร่งระบายสินค้าออกไปให้เร็วที่สุด เนื่องจากไม่สามารถรอให้การชุมนุมสิ้นสุดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นคอลเล็กชั่นเดิมกับ คอลเล็กชั่นสปริง และคอลเลกชั่นใหม่อย่างซัมเมอร์ ที่เข้ามาตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเกษรให้งบกว่า 2 ล้านบาท ได้เตรียมเช่าพื้นที่ของโรงแรมโอเรียนเต็ลและดึงแบรนด์ผู้เช่าภายในศูนย์ฯเข้าร่วมกว่า 40 แบรนด์ ที่จะนำมาจำหน่าย พร้อมข้อเสนอพิเศษสุด ลดสูงสุดถึง 80% ภายใต้แคมเปญ “GAYSORN Shopping Must Go On” ตั้งแต่วันที่ 5-9 พ.ค.นี้ พร้อมพันธมิตรบัตรเครดิต 4 บัตร คือ ซิตี้แบงค์, บัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย, กรุงศรี จีอี แพตตินั่ม และอเมริกันเอ็กซ์เพรส เชื่อว่าจะมีลูกค้าให้ความสนใจเข้ามาซื้อสินค้าหลายหมื่นคน
อย่างไรก็ตามจากเดิมทางศูนย์ฯเคยคาดการณ์ไว้ว่า ปีนี้น่าจะมีการเติบโตได้ถึง 12-15% แต่จากการชุมนุมที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าได้รับกระทบมากที่สุด ตั้งแต่เปิดให้บริการมาเป็นปีที่ 9 โดยภาพรวมรายได้ในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ยังมีการเติบโตอยู่ที่ 30% แต่พอเข้าไตรมาสสอง ซึ่งเพิ่งผ่านมาเพียงเดือนเดียวคือเม.ย. และทางศูนย์ฯไม่ได้เปิดให้บริการเลย จึงพูดได้ว่าไตรมาสสองตอนนี้มีรายได้เท่ากับศูนย์ ดังนั้นทั้งปีนี้จึงได้มีการปรับเป้าการเติบโตใหม่ เชื่อว่าจะมีการเติบโตไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ไม่ได้มีเพียงเกษรพลาซ่าเท่านั้น ที่มีแนวโน้มรายได้เป็นแบบนี้ แต่จากจำนวนผู้ประกอบการค้าปลีกและบริการต่างๆกว่า 1,700 ราย มีทิศทางรายได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งหากประเมิณความเสียหายรวมของทั้งย่านราชประสงค์แล้ว ขณะนี้มีความสูญเสียไปแล้วกว่า 5,200 ล้านบาท เฉพาะเกษรพลาซ่า มีความสูญเสียราว200 ล้านบาทในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หรือต่อวันอยู่ที่ 7-8 ล้านบาท
นางสาธิมา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามทางศูนย์ฯได้เตรียมมาตรการฟื้นฟูต่างๆเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าภายในศูนย์ไว้แล้ว หากสามารถเปิดให้บริการได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นฟื้นฟูนี้ เชื่อว่า อย่างช้าที่สุดจะต้องนำมาใช้ก่อนวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เพราะถึงเวลานั้น เชื่อว่าการชุมนุมจะย้ายออกไป ขณะที่แผนฟื้นฟูที่ว่านี้ จะมีทั้งการจัดโปรโมชั่น และอีเว้นท์ต่างๆทั้งของทางศูนย์ฯเอง ซึ่งวางไว้ 3 ข้อ คือ 1.สร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กลับมา 2.จับมือกับพันธมิตรในการจัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อ และ 3. สร้างบรรยากาศในการซื้อสินค้าของกลุ่มลูกค้าโลคอล
ล่าสุดในส่วนของเกษรพลาซ่านั้น ได้มีการร่นแคมเปญ เอนด์ ออฟ ซีซัน ขึ้นมาจัดในช่วงเดือนพ.ค. จากเดิมที่จะจัดในช่วงเดือนมิ.ย. ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมา โดยมองว่าหากสามารคเปิดให้บริการได้นั้น น่าจะใช้เวลาทำความสะอาดภายนอกศูนย์ฯและพื้นที่ใกล้เคียงให้เรียบร้อยได้ภายในระยะเวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้น
นอกจากนี้ทางศูนย์ยังได้ร่วมมือกับทางสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์(RSTA) รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ที่ล่าสุดได้มีมติเห็นชอบกับมาตราการที่ทางเกษรและทางRSTA ได้นำเสนอไป 3 หัวข้อ คือ 1.มาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง 2.มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือพนักงานและลูกจ้าง ที่มีราว 10,000 ราย และ3.มาตรการหางช่องทางระบายสินค้าเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียรายได้ของกิจการย่อย คาดว่าการฟื้นฟูครั้งนี้ จะต้องใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท ซึ่งน่าจะทำให้ทราฟฟิคกลับมาได้ประมาณ 80% จากที่ผ่านมาทราฟฟิกในย่านราชประสงค์นี้ต่อวันอยู่ที่ 2.5 แสนคน
|
|
|
|
|