“เสริมสุข” เตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นนัดพิเศษ 26 พ.ค. พร้อมเตือนผู้ถือหุ้นอย่ารีบร้อนปล่อย ควรฟังคำชี้แจงจากผู้ประเมินราคาสินทรัพย์ และที่ปรึกษาอิสระก่อน หลังข่าวลือว่อนทั่วห้องค้า ราคาซื้อจากเป๊ปซี่โคฯยังต่ำเกินเหตุ

ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ตัณฑเศรษฐี ประธานกรรมการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) (SSC) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้นำส่งคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 247-4) ของบริษัท สตราทีจิค เบฟเวอร์เรจเจส (ประเทศไทย) จำกัด และได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังรายละเอียดที่ทราบดีอยู่แล้วนั้น

ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ (โดยกรรมการผู้มีส่วนได้เสียไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย) ได้ประชุมเมื่อวันที่30 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีมติรับทราบการแต่งตั้ง Colliers International Thailand (C.I.T.Appraisal Co., Ltd.) เป็นผู้ประเมินราคาทรัพย์สินของบริษัทฯ และจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้น เป็นกรณีพิเศษ ในวันที่ 26 พ.ค.2553เวลา 15:00 น. (โดยจะกำหนดสถานที่ประชุมและแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไป) เพื่อนำเสนอความเห็นของคณะกรรมการ รายงานผู้ประเมินราคาทรัพย์สินและความเห็นของ CIMB Securities (Thailand) Co., Ltd. ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระต่อผู้ถือหุ้น และชี้แจงรวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนเข้ าร่วมประชุมซักถามเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น โดยไม่มีการกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนใดๆ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากกำหนดระยะเวลาเสนอซื้อจะสิ้นสุดในวันที่ 8 มิถุนายน 2553 คณะกรรมการ บริษัทฯ จึงมีความเห็นและขอแนะนำว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรพิจารณาตัดสินใจก่อนที่จะได้รับทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัทฯ รายงานผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน และความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดได้ประมาณวันที่18 พฤษภาคม 2553 รวมทั้งได้รับฟังคำชี้แจงจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 26 พ.ค.นี้

นักวิเคราะห์รายหนึ่ง ประเมินว่า ราคาเทนเดอร์ฯ SSC ต่ำเกินไป เมื่อเทียบกับพื้นฐานและโครงสร้างบริษัทที่มียอดขายเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และทรัพย์สินหมื่นล้านบาท และยังไม่รวมค่า Goodwill ที่มีแบรนด์ “เป๊ปซี่” อยู่ เพราะราคาประเมินต้องให้สูงกว่าบุ๊ค 1.5-2 เท่า เป้าหมายสูงสุด 48 บาท

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่ม กล่าวถึงกรณีเป๊ปซี่โคประกาศเสนอเข้าซื้อหุ้นเสริมสุขว่า ทั้ง 2 บริษัทมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน แต่ยุทธศาสตร์การลงทุนอาจมีความแตกต่างกันโดยรูปแบบการทำงานของเป๊ปซี่โค ซึ่งเป็นบริษัทอินเตอร์ ต้องการลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อหวังผลในระยะยาว ขณะที่เป๊ปซี่ด้วยการเป็นบริษัทบอทเทิลลิงหรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าที่ไม่ใช่แบรนด์ของตัวเอง การลงทุนจึงเป็นไปอย่างระมัดระวังและไม่ต้องการเสี่ยง ยุทธศาสตร์การลงทุนจึงเป็นสเต็ปบายสเต็ปดังนั้นแนวทางการลงทุนสวนกระแสกันอย่างสิ้นเชิง

"หุ้นที่เป๊ปซี่โคเสนอซื้อ แม้ว่าจะสูงถึง 44% หรือเสนอ 29 บาทต่อหุ้นจากเดิม 18-19 บาทต่อหุ้นนั้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมาก เพราะเสริมสุขจัดว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพและสามารถสร้างมูลค่าได้อีกมาก" คนวงในระบุ

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า ภายในงานแถลงประกาศเสนอการซื้อหุ้นเสริมสุข เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 ถ้าทุกอย่างออกมาเป็นที่ตกลงกันได้ระหว่างเป๊ปซี่โคกับเสริมสุขก็คงมีผู้บริหารเสริมสุขปรากฏตัวภายในงาน แต่ในงานกลับไร้วี่แววผู้บริหารจากทางฝั่งบริษัทเสริมสุข

ล่าสุดทาง ร.ต.อ. ประสิทธิ์ตัณฑเศรษฐี ประธานกรรมการบริษัท เสริมสุข ได้ชี้แจงว่า คณะกรรมการบริหารยังไม่ได้พิจารณาหรือตัดสินใจแผนการขยายการลงทุนเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้เป๊ปซี่โค เตรียมใช้เงินทุน 7,000 ล้านบาท ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้านี้ลงทุน โดยมาจากกระแสเงินสดของบริษัทเสริมสุข และเงินทุนจากเป๊ปซี่และนั่นหมายถึงสัญญาณการออกมาตอบโต้ของฝั่งเสริมสุขหรือไม่ ต่อกรณีเป๊ปซี่โคที่หมายปองฮุบเสริมสุขในห้วงเวลานี้

จากนี้ไปคงต้องจับตาอนาคตเสริมสุข ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มครบวงจรของไทย และอนาคตของเป๊ปซี่ยักษ์ใหญ่น้ำอัดลมจากอเมริกา จะต่อยอดการขยายกลุ่มสินค้านอนคาร์บอเนตในทิศทางใด....

บนสองเงื่อนไขที่ว่า 1. เป๊ปซี่โค ฮุบเสริมสุขได้เบ็ดเสร็จและ 2. เป๊ปซี่โคเจอตอ ฮุบไม่ได้แต่งานนี้ดูท่าทาง เป๊ปซี่โค จะฮุบ เสริมสุข ไม่ง่ายเสียแล้ว

อนึ่ง บริษัท สตราทีจิค เบฟเวอร์เรจเจส (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SSC คือ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด และ Seven-Up Nederland, B.V. (รวมเรียกว่า "กลุ่มเป๊ปซี่") ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 41.54% เป็น ผู้ประกาศเจตนาเพื่อทำคำเสนอซื้อ หลักทรัพย์ของบริษัท เมื่อวันที่ 19 เม.ย.53