Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน5 พฤษภาคม 2553
หุ้นไทยพุ่ง33จุดตอบรับแผนปรองดองชาติอุ้มแดง             
 


   
search resources

Stock Exchange




หุ้นไทยพุ่ง 33 จุด วอลุ่ม 4 หมื่นล้าน นักลงทุนขานรับแผนปรองดอง “มาร์ค” เหล่าสถาบัน – โบรกฯร่วมใจซื้อสุทธิกว่า 6 พันล้านบาท แม้ต่างชาติขาย 1.5 พันล้าน ประเมินเมื่อสถานการณ์ไทยเริ่มความชัดเจน เม็ดเงินจากภายนอกจะเริ่มกลับมา แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ชี้ดัชนีมีโอกาสทะลุ 800 จุดในสัปดาห์นี้ ด้าน “สมพล”พอใจสถานการณ์คลี่คลาย ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนไทยและต่างประเทศ พร้อมคาดแผนพัฒนาตลาดทุนไม่ชะลอตัวอีก ส่วนจีดีพีปี 53 ยังมากกว่า 4% แน่แม้ไตรมาส2จะชะลอตัว

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4พ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ระดับ 796.86 จุด เพิ่มขึ้น 33.35 จุด หรือ 4.37% มูลค่าการซื้อขาย 41,708.01 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 798.67 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 786.04 จุด ซึ่งการปรับตัวสูงขึ้นในครั้งนี้ เพราะนักลงทุนตอบรับสถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้น

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 355 หลักทรัพย์ ลดลง 49 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 66 หลักทรัพย์ ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,162.70 ล้านบาท ปิดที่ 269.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,695.40 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,425.52 ล้านบาท ปิดที่ 88.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,359.40 ล้านบาท ปิดที่ 97.25 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท และ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,262.99 ล้านบาท ปิดที่ 682.00 บาท เพิ่มขึ้น 40.00 บาท

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า เป็นแรงซื้อมาจากกลุ่มสถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซึ่งซ์อสุทธิ 5,392.31 ล้านบาท และ 728.23 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ เทขายขายสุทธิ 1,526.74 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไป ที่ขายสุทธิ 4,593.81 ล้านบาท

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก จากกระแสตอบรับแผนปรองดองแห่งชาติ 5 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในเขตพื้นที่ราชประสงค์ ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่ under perform ดังนั้นในวานนี้นักลงทุนต่างชาติจึงได้เข้ามาซื้อคืน ส่งผลให้ภาพรวมของ ดัชนีฯกลับมาเสมอตัว แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องระมัดระวัง เนื่องจาก ในขณะนี้ได้รับรู้ข่าวดีจากทางการเมือง และจากนี้เมื่อข่าวดังกล่าวเบาลง ทั้งข่าวร้ายและข่าวดีที่เป็นปัจจัยพื้นฐานจะกลับเข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศที่จะมามีอิทธิพลมากขึ้นจากวิกฤตของฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ที่แม้จะมีการฟื้นตัวดีขึ้นแต่ไม่กลับไปสู่เกณฑ์ที่ดีเช่นในอดีต

ดังนั้น แนวโน้มดัชนีในวันพฤหัสบดีนี้ (6 พ.ค.) คาดว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในเชิงจิตวิทยาการลงทุนดัชนีมีโอกาสทะลุ 800 จุดได้ ซึ่งปัจจัยการเมืองจะยังคงมีอิทธิพลไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนปัจจัยพื้นฐานจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/53 จะช่วยหนุนให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ จึงแนะนำให้ซื้อหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองก่อนหน้านี้ อาทิ กลุ่มโรงแรม นิคมอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันยังสามารถเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน และปิโตรเคมีได้ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ โดยประเมินแนวรับที่ 790 จุด แนวต้านที่ 810 จุด

ขณะเดียวกัน ประเมินว่าในสัปดาห์หน้าดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 820 จุด เนื่องจากแม้ว่าในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิก็ตาม แต่ยังไม่เทียบเท่ากับที่เป็นผู้ขายในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยพื้นฐานทางต่างประเทศที่จะไม่เลวร้ายไปกว่าปัจจุบันในทันทีทันใด

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวสูงขึ้น ตอบรับสถานการณ์ทางการเมืองที่มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ ทำให้ความเสี่ยงทางการเมืองลดลง ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่มีผลต่อตลาดฯ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ เพราะปัจจัยจากภายนอกประเทศในช่วงนี้ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น กรณีของกรีซก็ได้ตอบรับความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟและทางอียูไปแล้ว

ทำให้ แนวโน้มการลงทุนในพฤหัสนี้(6 พ.ค.)ควรจะต้องรอดูคำตอบของกลุ่มคนเสื้อแดงก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ดังนั้น ควรจะเกาะติดสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มมีสัญญาณเชิงบวก แต่สถานการณ์การเมืองก็ยังไม่แน่นอน พร้อมให้แนวรับ 770 จุด แนวต้าน 800 จุด

นายธิติ ธาราสุข ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท ชาร์ต มาสเตอร์ ให้มุมมองทางเทคนิคว่า ตอนนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ กำลังจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 803.65 จุด หากสำเร็จ ภายในสัปดาห์นี้ จะทำให้เป็นการยืนยันสัญญาณขาขึ้นในช่วงสั้น ๆ อีกครั้ง แต่หากไม่สำเร็จ ให้นักลงทุนเข้าถือสัญญา Short ใน SET50 Index Futures เพื่อทำกำไรในระยะสั้น

ตลท.ปลื้มความเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้น

นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีการแถลงแผนปองดองแห่งชาติ 5 ประการ ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองดูจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้นักกลงทุนคลายกังวลและมีความมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เห็นได้จากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก มาอยู่ที่ระดับใกล้ 800 จุด หรือปรับเพิ่มขึ้น 4% ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคและเอเชียมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย

"หลังจากนายกฯ ออกมาพูดเรื่องแผนปองดองแห่งชาติทำให้ทิศทางปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย และพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการส่งออก เกษตร อุตสาหกรรมต่างๆอยู่ในระดับที่ดีมาก ต่างประเทศไม่มีอะไรกระทบต่อประเทศไทยนัก ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงนั้น เห็นได้ชัดเจนว่านักลงทุนมีความมั่นใจและคลายกังวลปัญหาทางการเมืองในประเทศ จากที่ตลาดหุ้นภูมิภาคและเอเชียปรับตัวลดลงแต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 4% "นายสมพล กล่าว

สำหรับแผนปองดองที่นายกประกาศออกมานั้นส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่แต่เฉพาะตลาดหลักทรัพย์ฯเท่านั้น จุดนี้รวมถึงทุกคนและต่างประเทศที่ต้องการเห็นมีการปองดองไม่มีความขัดแย้ง และแผนปองดองดังกล่าวนั้นนายกมีการระบุชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งทุกอย่างก็มีความชัดเจน ซึ่งส่วนตัวมองว่าปัญหาทางการเมืองทั้งหมดน่าจะจบได้ภายในเร็วๆนี้ จากวันนี้(5 พ.ค.)เป็นวันมหามงคลซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องมีความปราถนาดีให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเกษมสำราญ


ทั้งนี้ เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นแน่นอน จะส่งผลให้แผนพัฒนาตลาดทุนจะต้องมีการล่าช้าเพราะ แผนพัฒนาตลาดทุนไทยนั้นจะต้องการประกาศกฎหมายรองรับ ที่จะต้องนำเสนอรัฐสภาเห็นชอบและประกาศออกมา แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่เป็นผลเสียต่อแผนพัฒนาตลาดทุนไทย โดยขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่ได้มีการประเมินว่าจะทำให้แผนพัฒนาล่าช้าไปนานเท่าไร

ขณะที่ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส2/53อาจจะชะลอตัวจากผลกระทบด้านการเมืองแต่เชื่อว่าจะไม่มากนัก ซึ่งมีผู้ประเมินว่าจะมีผลทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว0.3-0.5% แต่ในไตรมาส3-ไตรมาส4 น่าจะเติบโตในระดับปกติ โดยส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้จีดีพีของไทยจะเติบโตมากกว่า 4% แน่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us