ทีพีไอโพลีนตั้งเป้ารายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 2.49 หมื่นล้านบาท แต่มีกำไรจากการดำเนินงานดีกว่าปีก่อน เป็นผลจากธุรกิจเม็ดพลาสติกที่มาร์จินยังดีอยู่ ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์การแข่งขันสูงทำให้มาร์จินต่ำ ฟุ้งปีหน้าบริษัทฯผลดำเนินงานโตแบบก้าวกระโดด หลัง3โครงการใหม่แล้วเสร็จ
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้ใกล้เคียงปี 2552 ที่มีรายได้จากการขาย 2.49 หมื่นล้านบาท แต่จะมีกำไรจากการดำเนินงานดีขึ้นกว่าปี 2552 ที่มีจำนวน 1.88 พันล้านบาท เป็นผลจากธุรกิจเม็ดพลาสติกที่มีราคาและกำไรปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์มีความต้องการใช้ทรงตัว เป็นผลจากปัญหาการเมือง ทำให้มีการแข่งขันตัดราคาในประเทศค่อนข้างรุนแรง ส่งผลให้มาร์จินลดลง โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าผลิตปูนซีเมนต์อยู่ที่ 9 ล้านตัน โดยจะส่งออก 1 ล้านตันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว กัมพูชา และพม่า
ผลประกอบการในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 677 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21.59%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขาย 6,139 ล้านบาท โตขึ้น 7.52%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในปี 2552 ทีพีไอโพลีน มีกำไรสุทธิ 4,763 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติจำนวน 1,879 ล้านบาท กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จำนวน 3,117 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายเท่ากับ 24,926 ล้านบาท
"ในปีนี้ ธุรกิจเราดีมาจากเม็ดพลาสติก มากกว่า 50% คิดว่ากำไรในไตรมาสต่อๆไป ก็ไม่ต่ำกว่าไตรมาสแรก" นายประชัย กล่าว
นายประชัย กล่าวว่า บริษัทฯไม่มีแผนขยายกำลังการผลิตทั้งธุรกิจเม็ดพลาสติก เนื่องจากไม่มีที่ดินเพียงพอในการขยาย รวมทั้งชะลอโครงการลงทุนโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ไลน์ใหม่ด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทได้หันมาดำเนินธุรกิจใหม่เพื่อลดต้นทุนการผลิต ได้แก่โครงการขยายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งอีก 18 เมกะวัตต์ จากเดิมผลิตอยู่ 36 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ ทำให้ลดต้นทุนด้านพลังงานปีละ 750-800 ล้านบาท
โครงการนำขยะมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงทดแทน ซึ่งทำให้สามารถลดปริมาณการใช้ถ่านหินลง 20-30% และ โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมัก ซึ่งได้น้ำหมักจากโครงการแปรขยะฯ เพื่อขายให้เกษตรกร ภายใต้เครื่องหมายการค้า"ทีพีไอ" โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 1 พันตัน/วัน
นายประชัย กล่าวว่า ทั้ง 3 โครงการใช้เงินลงทุนนับพันล้านบาท คาดว่าในปลายปีนี้จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2554
|