“โกลว์ พลังงาน”ดอดเจรจาปูนใหญ่ สนใจเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าโคเจนฯขนาด 200-300เมกะวัตต์ วงเงินลงทุน 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ป้อนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม หากปูนใหญ่เปิดทางเอกชนรายอื่นลงทุน คาดว่ามีความชัดเจนปลายปีนี้ แย้มปีนี้กำไรพุ่งไม่ต่ำกว่า 10% หลังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่115เมกะวัตต์และต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำ ลุ้นรัฐปรับขึ้นค่าเอฟทีหลังครบกำหนดตรึงค่าเอฟทีส.ค.นี้
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าและไอน้ำ (โคเจนเนอเรชั่น)เพื่อป้อนให้โครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ของเครือซิเมนต์ไทยที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเบื้องต้นได้มีการเจรจากับเครือซิเมนต์ไทยแล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าปูนซิเมนต์ไทยจะตัดสินใจลงทุนโรงไฟฟ้าเองหรือจะดึงให้เอกชนรายอื่นเข้าไปลงทุนแล้วซื้อไฟฟ้าแทน คาดว่าจะมีความชัดเจนอย่างช้าปลายปีนี้ การลงทุนดังกล่าวบริษัทฯต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อได้สิทธิในการบริหารงาน ซึ่งโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ดังกล่าวนี้ จะต้องลงทุนโรงไฟฟ้าโคเจนฯขนาดกำลังผลิต 200-300 เมกะวัตต์ ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาทรวมถึงการสร้างท่าเทียบเรือและคลังเก็บถ่านหินด้วย
ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่าเครือซิเมนต์ไทยอาจจะตัดการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าและท่าเทียบเรือให้เอกชนรายอื่นๆทำแทน ซึ่งจะช่วยลดภาระการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่เวียดนามลงจากเดิม 3,500-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 2,500-3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปูนซิเมนต์ไทยอาจจะเข้ามาถือหุ้นในโรงไฟฟ้าดังกล่าวแทนที่จะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด
“ทางโกลว์ฯมีการขายไฟฟ้าและไอน้ำมันกับกลุ่มปิโตรเคมี ปูนใหญ่อยู่แล้ว โดยโกลว์ฯมีความเชี่ยวชาญโรงไฟฟ้าโคเจนฯ และสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแม่ที่ให้โกลว์ฯสามารถขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าIPP ในไทย ลาวและกัมพูชา ขณะที่โรงไฟฟ้าโคเจนฯจะลงทุนใน จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันกันเอง”
นายสุทธิวงศ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าใน 3 โครงการได้แก่ 1.โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 115 เมกะวัตต์ ที่มาบตาพุด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างทดลองเดินเครื่องจักร คาดว่าผลิตเชิงพาณิชย์ปลายพ.ค.หรือต้นมิ.ย.นี้ ซึ่งการก่อสร้างได้ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 4-5 เดือน ทำให้บริษัทฯรับเงินชดเชยค่าปรับจากผู้รับเหมา 2. โครงการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน 660 เมกะวัตต์
ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้า 60% คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปี 2554 และ3.โครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงขนาด 382 เมกะวัตต์ คาดว่าแล้วสร็จปลายปีหน้า โดยมีปริมาณไฟฟ้าที่รอขายอีก 70เมกะวัตต์ คาดว่าจะขายหมดก่อนที่โรงไฟฟ้าจะแล้วเสร็จ ทำให้โกลว์ฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 2,118 เมกะวัตต์ เป็น 3,275 เมกะวัตต์ในปี 2554
นอกจากนี้ยังสนใจที่จะลงทุนพลังงานทางเลือก โดยอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมขนาดกำลังผลิต 60-80 เมกะวัตต์ที่ภาคอีสาน คาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 3 นี้ รวมทั้งยังศึกษาความเป็นไปได้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1.5 เมกะวัตต์ ที่มาบตาพุด โดยบริษัทฯไม่ได้ตั้งเป้าสัดส่วนการลงทุนพลังงานทางเลือกไว้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2553 บริษัทฯมีรายได้และกำไรดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2552 แต่ดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯรับรู้กำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ 115 เมกะวัตต์ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างทดลองเครื่องจักร ผ่านในรูปเงินค่าปรับจากผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ววันละ 75,000 เหรียญสหรัฐ/วัน และมีมาร์จินสูงขึ้นด้วย คาดทั้งปี 2553 บริษัทฯจะมีกำไรสุทธิเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,187 ล้านบาท เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามา 115 เมกะวัตต์ ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงต่ำลง เนื่องจากบริษัทฯได้ทำสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าปีนี้ที่ระดับราคา 75เหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันขยับขึ้นไปแล้ว 80-90 เหรียญสหรัฐ และหากรัฐมีการปรับขึ้นค่าไฟเอฟที จากที่ตรึงราคาไว้ถึงส.ค.นี้ ก็จะทำให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้นอีก
ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯเมื่อวันที่ 26 เม.ย. อนุมัติการออกหุ้นกู้วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ในการลงทุนในอนาคต ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสภาพคล่องล่วงหน้า โดยยังไม่มีแผนจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติม หลังจากบริษัทฯมีแผนการใช้เงินลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท โดยได้ออกหุ้นกู้วงเงิน 9,000 ล้านบาทเมื่อต้นเม.ย.นี้ สำหรับการลงทุนปี 2553 และในปีหน้าจะใช้เงินทุนอีก 7,000 ล้านบาท โดยโกลว์ฯได้ เจรจากับสถาบันการเงินในประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการกู้เงิน 4,000 ล้านบาทโดยล็อกอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังแนวโน้มภาวะดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น คงเหลือวงเงินอีก 3,000 ล้านบาทที่จะพิจารณาในปีหน้าต่อไป
|