|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
กูรูอสังหาฯ แนะเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤตการเมือง เชื่อยืดเยื้ออีกนานแม้สลายม็อบแล้วก็ตาม เชื่อไตรมาส 3 เศรษฐกิจ-ตลาดอสังหาฯตกต่ำแน่ๆ แนะจัดสรรเตรียมแผนสองรับมือ ด้านผู้บริโภคควรออมก่อนซื้อบ้าน ด้านบิ๊กบัวทอง ชี้การเมืองจบทุกอย่างก็ฟื้น
รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์พิเศษ ภาควิชาเคหะศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย กล่าวว่า ภาวะความไม่สงบทางการเมืองของไทย จะเป็นอยู่เช่นนี้อีกนาน แม้ว่าปัญหาในปัจจุบันจะถูกแก้ไขด้วยวิธีใดก็ตาม อาทิ 1.รัฐบาลสามารถสลายการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ แต่จะต้องมีความคุกกรุนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2.รัฐบาลยุบสภา เลือกตั้งใหม่หากพรรคเพื่อไทยชนะได้เป็นรัฐบาล กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยจะต้องออกมาเรียกร้อง ชุมนุมประท้วง เช่นนี้เรื่อยไป และ 3. แม้นายกรัฐมนตรีลาออกตั้งรัฐบาลกลางขึ้นมา ทางออกก็ไม่รู้จะไปทิศทางไหน
เมื่อปัญหาการชุมนุมประท้วงยืดเยื้อ ย่อมส่งผลต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบก่อนธุรกิจอื่นๆ รองลงมาคือ การนำเข้าและส่งออก เพราะไม่มีใครกล้าสั่งซื้อสินค้า และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่บูดไม่เน่า รอได้ ผู้บริโภคจึงชะลอการตัดสินใจซื้อหากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในไตรมาสที่ 2 จะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากยอดขายในไตรมาสแรก ประกอบกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลที่ยืดอายุไปถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม จะช่วยผลักดันตลาดไม่ให้ตกต่ำลงไปมากนัก แต่จะไปส่งผลกระทบหนักในไตรมาสที่ 3 เชื่อว่าจะมีการชะลอตัวอย่างมากเพราะไม่มีปัจจัยบวกมากระตุ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง ทุกภาคส่วนจะต้องเตรียมแผนสำหรับป้องกันความเสี่ยงในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดยในส่วนของผู้ประกอบการจะต้องเตรียมแผนสำรองในภาวะที่ตลาดชะลอตัวหนัก ถอยอย่างมีศิลปะ ไม่ควรรุกตลาดหรือลงทุนมากๆในเวลานี้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ดังแผนรับมือจึงต้องต่างออกไป
สำหรับผู้บริโภค ก่อนซื้อบ้านควรออมเงินก่อน หรือทดลองผ่อนค่างวดอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้ ซึ่งจากสถิติจะพบว่าลูกค้าจะทิ้งบ้านในช่วง 5 ปีแรก ส่วนสถาบันการเงินควรเริ่มเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการปล่อยสินเชื่อได้ในภายหลังได้
รศ.มานพ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดในภาวะที่สถานการณ์ไม่ปกติ หรือแม้แต่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาล โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ควรออกมาเตือนการลงทุนของภาคเอกชนเมื่อบางตลาดมีความร้อนแรง หรือเตือนเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี และควรสนับสนุนรัฐให้มีการลงทุนเพิ่ม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
“ทำใจซะ เรื่องคนไทยทะเลาะกัน แล้วมันจบไม่ได้ ต้องอยู่ให้ได้ท่ามกลางไฟสีต่างๆ เราจะตัดสินใจกระโดดข้ามกองไฟหรือไม่ แล้วถ้ากระโดดไม่พ้นเราก็จะตกลงไปในกองไฟเอง ดังนั้นเราควรรู้จักถอยอย่างมีศิลปะ รอโอกาสดีๆ แล้วค่อยก้าวไปข้างหน้าก็ยังไม่สาย ” รศ.มานพ
อสังหาฯรายย่อยกระอักเจอหลายดอก
ด้านนายไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการรายกลางรายย่อย เนื่องจากผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นจึงเริ่มชะลอการซื้อบ้าน อีกทั้งปัจจุบันผู้บริโภคจะซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการรายใหญ่หรือมีแบรนด์เท่านั้น เพื่อความมั่นใจ ส่งผลถึงตัวแทนและนายหน้าอสังหาฯ ที่รับบริหารงายขายและการตลาดให้กับลูกค้างกลุ่มดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่
“ต้องยอมรับปัจจุบันขายบ้านได้ยากมาก ผู้ประกอบการบางรายเมื่อขายได้น้อยหรือขายไม่ได้ ก็ชะลอพัฒนาโครงการ หรือมีปัญหาเรื่องเงินก็ไม่จ่ายเงินให้บริษัทนายหน้าค้าอสังหาฯ เรา(บัวทอง)ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ตอนนี้เราไม่รู้ว่าจะวางแผนทำอะไร เพราะสถานการณ์เปลี่ยนทุกวันไม่รู้ว่าเสื้อแดงจะบุกไปทางไหน ถ้าปัญหาเมืองจบ ก็เชื่อว่าตลาดและเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ” นายไพโรจน์ กล่าว.
|
|
 |
|
|