|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“บิ๊กศุภาลัย” ชี้ชุมนุมยืดเยื้อกระทบตลาดอสังหาฯ คนไม่กล้าซื้อบ้าน พร้อมปรับแผนรับมือเลื่อนเปิดโครงการใหม่ไปในช่วงปลายปี 12 โครงการรวด พร้อมโอดรัฐไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ แฉตลาดแนวราบปี 52 ติดลบ ส่วนที่ทำให้ตลาดโตเป็นบ้านเอื้ออาทร และคอนโดฯที่ไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการ เดือนหน้าเตรียมรวมตัวเสนอรัฐต่ออายุมาตรการอีกรอบ
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการชุมนุมที่ยืดเยื้อของกลุ่มคนเสื้อแดง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง และชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงนี้ ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับแผนการดำเนินงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วยการชะลอแผนการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 2 ออกไป เพื่อรอให้สถานการณ์คลีคลายลงและสถานการณ์ตลาดดีขึ้น นอกจากการชะลอการเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 2 แล้ว ในช่วงนี้บริษัทจะหันไปเร่งขายโครงการที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะโครงการที่เสร็จทันมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้อีกด้วย
“ตามแผนเดิมจะมีการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 2 จำนวน 2-3 โครงการ โดยจะเลื่อนไปเปิดตัวในไตรมาสที่ 3-4 แทน ซึ่งทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังโดยเฉพาะไตรมาส 4 จะมีโครงการเปิดตัวใหม่รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ จากแผนเปิดโครงการทั้งหมดในปีนี้ 14 โครงการรวมมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามหากการเมืองคลีคลายและตลาดฟื้นตัวเร็วก็พร้อมที่จะเลื่อนโครงการในอนาคตมาเปิดเร็วขึ้น” นายอธิปกล่าว
ทั้งนี้หากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ดีขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของตลาดรวมในปีนี้ โดยคาดว่า อาจจะทรงตัวเท่ากับปีที่แล้วหรืออาจจะติดลบ เนื่องจากรัฐได้ตัดมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปในขณะที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ โดยเข้าใจว่าการที่ตลาดส่งส่งออกมีอัตราการเติบโตแล้วเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตตาม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตลาดอสังหาฯมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ผู้บริโภคซื้อบ้าน โดยเฉพาะความเชื่อมั่น
“แม้ว่าตัวเลขการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะเติบโต 9% แต่ถ้าพิจารณาดูรายละเอียดจะพบว่า เป็นบ้านเอื้ออาทรถึง 1.7 หมื่นหน่วย ถ้าตัดบ้านเอื้ออาทรทิ้ง ตลาดรวมถือว่าใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยที่คอนโดมิเนียมมีการขยายตัวสูงถึง 30% ส่วนบ้านแนวราบยังติดลบ ซึ่งคอนโดมิเนียมเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการเพราะซื้อวันนี้โอนไม่ทันอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดว่าหากรัฐบาลถอดมาตรการออกไปจะทำให้ตลาดแย่กว่าที่เป็นอยู่” นายอธิปกล่าวและว่า ทั้งนี้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งมาตรการจะหมดอายุลง ภาคเอกชนจะเสนอให้รัฐทบทวนการใช้มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง
นายอธิป กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 4 นอกจากจะเปิดโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทจะยังขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น โดยการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มเติมได้แก่ ที่เชียงใหม่ และภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จากก่อนหน้านี้ได้พัฒนาโครงการที่ภูเก็ต สงขลา ข่อนแก่นมาแล้ว
ในขณะเดียวกันจะขยายฐานบ้านในระดับบนในราคา 5-10 ล้านบาทเพิ่มขึ้น จากเดิมบริษัทจะพัฒนาโครงการในระดับราคาเฉลี่ยไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยจะมีทั้งบ้านเดี่ยวเดี่ยว และคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง แต่สำหรับบริษัทแล้วไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีคอนโดฯเข้ามาช่วย อีกทั้งในปัจจุบันผู้บริโภคจะหันมาซื้อบ้านจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น จึงทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบในปัจจุบันมีเฉพาะผู้ประกอบการรายกลาง-รายย่อย
"บริษัทยังคงยื่นยันเป้าหมายการขายเดิมคือ 15,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยในช่วงไตรมาสแรกสร้างยอดขายและยอดทำสัญญาแล้วเกือบ 5,000 ล้านบาท และในเดือนเมษายนคาดว่าจะมียอดขายอีก 1,000 ล้านบาทรวมเป็น 6,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบล็กล็อค) อีกจำนวน 18,000 ล้านบาท"
|
|
|
|
|