Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน26 เมษายน 2553
การเมืองฉุดอสังหาฯซบเล็งเสนอรัฐฯต่อมาตการ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ศุภาลัย

   
search resources

ศุภาลัย, บมจ.
อธิป พีชานนท์
Real Estate




“บิ๊กศุภาลัย” ชี้ชุมนุมยืดเยื้อกระทบตลาดอสังหาฯ คนไม่กล้าซื้อบ้าน พร้อมปรับแผนรับมือเลื่อนเปิดโครงการใหม่ไปในช่วงปลายปี 12 โครงการรวด พร้อมโอดรัฐไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ แฉตลาดแนวราบปี 52 ติดลบ ส่วนที่ทำให้ตลาดโตเป็นบ้านเอื้ออาทร และคอนโดฯที่ไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการ เดือนหน้าเตรียมรวมตัวเสนอรัฐต่ออายุมาตรการอีกรอบ

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการชุมนุมที่ยืดเยื้อของกลุ่มคนเสื้อแดง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง และชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงนี้ ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับแผนการดำเนินงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วยการชะลอแผนการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 2 ออกไป เพื่อรอให้สถานการณ์คลีคลายลงและสถานการณ์ตลาดดีขึ้น นอกจากการชะลอการเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 2 แล้ว ในช่วงนี้บริษัทจะหันไปเร่งขายโครงการที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะโครงการที่เสร็จทันมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้อีกด้วย

“ตามแผนเดิมจะมีการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 2 จำนวน 2-3 โครงการ โดยจะเลื่อนไปเปิดตัวในไตรมาสที่ 3-4 แทน ซึ่งทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังโดยเฉพาะไตรมาส 4 จะมีโครงการเปิดตัวใหม่รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ จากแผนเปิดโครงการทั้งหมดในปีนี้ 14 โครงการรวมมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามหากการเมืองคลีคลายและตลาดฟื้นตัวเร็วก็พร้อมที่จะเลื่อนโครงการในอนาคตมาเปิดเร็วขึ้น” นายอธิปกล่าว

ทั้งนี้หากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ดีขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของตลาดรวมในปีนี้ โดยคาดว่า อาจจะทรงตัวเท่ากับปีที่แล้วหรืออาจจะติดลบ เนื่องจากรัฐได้ตัดมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปในขณะที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ โดยเข้าใจว่าการที่ตลาดส่งส่งออกมีอัตราการเติบโตแล้วเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตตาม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตลาดอสังหาฯมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ผู้บริโภคซื้อบ้าน โดยเฉพาะความเชื่อมั่น

“แม้ว่าตัวเลขการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะเติบโต 9% แต่ถ้าพิจารณาดูรายละเอียดจะพบว่า เป็นบ้านเอื้ออาทรถึง 1.7 หมื่นหน่วย ถ้าตัดบ้านเอื้ออาทรทิ้ง ตลาดรวมถือว่าใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยที่คอนโดมิเนียมมีการขยายตัวสูงถึง 30% ส่วนบ้านแนวราบยังติดลบ ซึ่งคอนโดมิเนียมเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการเพราะซื้อวันนี้โอนไม่ทันอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดว่าหากรัฐบาลถอดมาตรการออกไปจะทำให้ตลาดแย่กว่าที่เป็นอยู่” นายอธิปกล่าวและว่า ทั้งนี้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งมาตรการจะหมดอายุลง ภาคเอกชนจะเสนอให้รัฐทบทวนการใช้มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง

นายอธิป กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 4 นอกจากจะเปิดโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทจะยังขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น โดยการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มเติมได้แก่ ที่เชียงใหม่ และภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จากก่อนหน้านี้ได้พัฒนาโครงการที่ภูเก็ต สงขลา ข่อนแก่นมาแล้ว

ในขณะเดียวกันจะขยายฐานบ้านในระดับบนในราคา 5-10 ล้านบาทเพิ่มขึ้น จากเดิมบริษัทจะพัฒนาโครงการในระดับราคาเฉลี่ยไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยจะมีทั้งบ้านเดี่ยวเดี่ยว และคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง แต่สำหรับบริษัทแล้วไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีคอนโดฯเข้ามาช่วย อีกทั้งในปัจจุบันผู้บริโภคจะหันมาซื้อบ้านจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น จึงทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบในปัจจุบันมีเฉพาะผู้ประกอบการรายกลาง-รายย่อย

"บริษัทยังคงยื่นยันเป้าหมายการขายเดิมคือ 15,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยในช่วงไตรมาสแรกสร้างยอดขายและยอดทำสัญญาแล้วเกือบ 5,000 ล้านบาท และในเดือนเมษายนคาดว่าจะมียอดขายอีก 1,000 ล้านบาทรวมเป็น 6,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบล็กล็อค) อีกจำนวน 18,000 ล้านบาท"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us