Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2529
กิตติ ดำเนินชาญวนิชย์ ชีวิตและวิญญาณคนบ้านนอก             
 


   
search resources

กิตติ ดำเนินชาญวนิชย์




อัตชีวประวัติของผู้ยิ่งใหญ่ มักจะถูกแต่งเติมสีสันจนกลายเป็น "สิ่งพิเศษ" และ "เหลือเชื่อ"

มันก็แค่นิยายที่อ่านเพลินๆ

แต่อัตชีวประวัติของกิตติ ดำเนินชาญวนิชย์นั้นธรรมดาสามัญเหลือเกิน เพราะเป็นชีวิตของคนธรรมดา

พ่อของเขา เตียเท่งซ้งเป็นคนจีนอพยพหนีความยากแค้นจากซัวเถามา ทำงานหากินคร้งแรกที่ อ.บางปะกง ฉะเชิงเทรา เปิดร้านขายของชำเล็กๆ ชายทุ่งนา

กิมเที๊ยะ เกิดที่นี่ เมื่อเขาลืมตามองโลก เขาก็เห็นทุ่งนาเป็นสิ่งแรกๆ

ต่อมาไม่นานบิดาของเขาก็สามารถเก็บหอมรอมริบพอจะมีเงินก้อน จึงไปขอเช่าโรงสีขนาดเล็กมาดำเนินกิจการ กิตติบอกว่าเป็นโรงสีขนาดเล็กมากๆ ประมาณ 10 เกวียนเท่านั้น เมื่อเท่งซ้งเสียชีวิต เขาก็ต้องดำเนินกิจการต่อ

กิตติ ถ่อเรือผ่านทุ่งนาซึ่งในยามน้ำหลากพื้นนาแถวนั้นจะอยู่ในน้ำต้นข้าวลอยคอไปรับซื้อข้าวเปลือกมาสีขาย

จากวันเวลาธรรมดาและการต่อสู้แบบธรรมดา เขาสามารถเก็บเงินได้มาก จากที่ขนถ่ายสินค้า-ข้าวสารมาขายถึงกรุงเทพ ทำให้เรียนรู้ชีวิตของ "หยง" หรือนายหน้าขายข้าวจากโรงสีไปยังผู้ส่งออก

จะผิดแผกก็ตรงที่กิตติ ดำเนินชาญวนิชย์มีความพยายามเป็นเลิศ และมัธยัสถ์อย่างยิ่ง

จากการเช่าโรงสีเขาทำจนมาเปิดโรงสีขนาดเล็กของตนเอง และขยายตัวไปเรื่อยๆ จนมาถึงทุกวันนี้

กิตติและครอบครัวไม่มีบ้าน เขาอาศัยในที่ทำงานเป็นบ้านตั้งแต่ที่โรงสีเล็กๆ มาจนถึงตึกแถว 4 ชั้นที่ทรงวาดและตึก 14 ชั้นถนนสาธร

เพราะชีวิตของเขาคืองาน

ถึงแม้ว่าวันนี้กิตติ จะมีรถเบนซ์ถึง 3 คัน แต่ชีวิตจริงๆ ของเขาไม่ได้หรูหราฟุ่มเฟือยเลย

"บริษัทเรามีแขกจากต่างประเทศมาบ่อยมาก จำเป็นต้องอำนวยความสะดวกเขาเราเองก็ต้องสร้างภาพพจน์ที่ดีให้เขาเห็น" คนสุ่นหั่วเซ้งคนหนึ่งไขปัญหาที่มาของรถเบนซ์ 3 คน

ภรรยาของเขาก็คนบ้านนอก พื้นเพเดิมที่ฉะเชิงเทราเช่นเดียวกันสุรางค์ ได้ชื่อว่าเป็นคนฉลาดและนักสร้างคนหนึ่ง จนบางครั้งคู่แข่งของสุ่นหั่วเซ้งมักจะยกย่องเธอมากกว่ากิตติ "เขาได้ดิบได้ดีเพราะเมีย"

กิตติ-สุรางค์มีลูกชาย-ลูกสาว 5 คน 2 คนแรกเป็นผู้หญิง พิสมัย และศิริวรรณ ลูกผู้หญิงทั้งสองคนทำงานในธุรกิจครอบครัวตั้งแต่ยังเล็กๆ จนเป็นคนคล่องงานมาก และว่ากันว่าฝีไม้ลายมือของเธอทั้งสองไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำเรียนมากมายนัก (ระยะแรกๆ ไม่ได้ร่ำเรียนระดับอุดมศึกษา ต่อมามีเวลาว่างก็เรียนที่รามคำแหง)

ลูกชายคนแรก คือโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ หนุ่มน้อยวัย 26 ปี จบปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬา ถือได้ว่าเป็นลูกคนแรกที่ได้ร่ำเรียนในระดับดีผู้เป็นพ่อเคยหมายมั่นปั้นมือจะให้เรียนมากๆ โดยส่งไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศสศูนย์กลางของพ่อค้าคนกลางสินค้าคอมมอดิตี้ของโลก แต่เอาเข้าจริงกิจการค้าเติบโตเร็วกว่าที่คิดโยธิน จึงได้แต่เรียนด้านภาษาเพิ่มเติมเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่ที่เขาอยู่ที่ฝรั่งเศสก็คือการสร้างสำนักงานตัวแทนของสุ่นหั่วเซ้งขึ้นในเขตคู่แข่งขัน

เวลานี้โยธินต้องทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น พร้อมๆ กับอายุกิตติมากขึ้น ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ผลักดันให้โยธินต้องทำงานหนักตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น ก็คือการที่แม่ของเขาต้องล้มป่วยอย่างกระทันหันเมื่อกลางปี 2528

เพราะการล้มป่วยเป็นอัมพาตของสุรางค์นั่นเอง ที่กิตติต้องล้มแผนที่จีนแผ่นดินใหญ่และโยธินต้องดูแลกิจการด้านการผลิตที่ อ.บางปะกง สำหรับโยธินแล้ว ถือได้ว่าไม่หนักหนาอะไร เนื่องจากเขามีความรู้ด้านวิศวกรรม ไม่เพียงแต่เท่านั้นโยธินยังต้องเดินทางออกนอกประเทศเป็นว่าเล่นดูแลกิจการสาขาและตัวแทน

"ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้าที่แทนผมในอนาคตได้ดีหรือไม่ ยังต้องดูกันต่อไปแต่ถ้าดูบุคลิกของเขาแล้วโยธินเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย" กิตติพูดถึงลูกชายของเขากับ "ผู้จัดการ"

โยธินเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมากๆ คนหนึ่งและมีสีสันของฝรั่งเศสติดมาเล็กน้อย เขานั่งรถซีตรอง และเพิ่มจะตัดสินใจซื้อเครื่องสำหรับติดตั้งในโรงสีข้าวนึ่งคุณภาพดีจากฝรั่งเศสของ OMESA มาเครื่องหนึ่งมูลค่าหลายสิบล้านบาท

ส่วนลูกชาย 2 คนสุดท้ายพูลสมบัติ และไตรรัตน์นั้นมีการศึกษาในระดับดีทั้งคู่คนแรกจบบัญชี จุฬา ขณะนี้กำลังเดินทางไปเรียนเอ็มบีเอที่สหรัฐอเมริกา ส่วนไตรรัตน์นั้นถือได้ว่าได้ร่ำเรียนในต่างประเทศมานาน ขณะนี้เริ่มงานที่สุ่นหั่วเซ้งในบางปะกง

อนาคตของโยธินในขณะนี้ถือได้ว่าเป็นอนาคตของสุ่นหั่วเซ้งอย่างแท้จริง แต่คำตอบยังหาไม่ได้ในห้วงเวลานี้แม้แต่กิตติ ดำเนินชาญวนิชย์เอง!

กิตติมีความฝันอยู่ที่ฉะเชิงเทรามาก

เขามีธุรกิจปักฐานที่นั่นจนเรียกได้ว่า เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่สุดของจังหวัด เลยทีเดียว

ที่ อ.พนมสารคาม เขาซื้อที่มีเนินเขา 3 ลูก ซึ่งซินแซบอกว่า ทำฮวงซุ้ยดีที่สุด อยู่ในป่ายูคาลิปตัสของเขา

"ผมเป็นคนฉะเชิงเทราผมต้องอยู่ที่นี่" กิตติ ดำเนินชาญวนิชย์ กล่าว.

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us