Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2529
เบ๊นซ์แนะนำรถรุ่นใหม่ 230 E และ 300 E คันละล้านกว่าคือราคาที่ตั้งไว้             
 


   
search resources

Auto Dealers
ธนบุรีพาณิชย์




แม้ว่าในรอบครึ่งปีที่เพิ่งจะผ่านไปนี้บริษัทธนบุรีพาณิชย์ จะต้องเผชิญกับปัญหายอดขายของเบ๊นซ์ที่เป็นตัวแทนประกอบ และจำหน่ายในประเทศไทยตกต่ำลงถึง 20% รถแวนของเบ๊นซ์ที่ออกจากโรงงาน 500 คันยังจำหน่ายไปได้เพียง 50% ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็อึดกว่าทุกๆ ปีมาก

แต่นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องที่เสือเก่าผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการรถยนต์มานาน จะยืนนิ่งรอให้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟุบแฟบกระเตื้องขึ้นเสียก่อนค่อยพลิกฟื้นสถานการณ์กันอีกครั้ง

เพราะสิ่งที่ธนบุรีพาณิชย์ได้ตัดสินใจกันในวันนี้คือ การประกาศแนะนำรถเบ๊นซ์รุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับสิทธิ์จากเบ๊นซ์เยอรมันให้ประกอบขายได้โดยตรงในประเทศไทยคือรุ่น 230 E และรุ่น 300 E ตามลำดับ

โดยที่เบ๊นซ์ 230 E มีกำหนดออกสู่ตลาดภายในเดือนกันยายนนี้ก่อน ส่วนรุ่น 300 E จะออกตามหลังมาในช่วงต้นปีหน้า

และสนนราคาของเบ๊นซ์ 230 E ที่จะออกจากโรงงานของบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์บริษัทในเครือธนบุรีพาณิชย์นั้นก็เท่ากับ 1,650,000 บาทไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับรถรุ่น 2300 ซีซี สกุลยุโรปด้วยกันแล้ว ก็ค่อนข้างจะแพงหูฉี่ทีเดียว นี่มิพักจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับรถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ

"ก็ยอมรับครับ ก็เบ๊นซ์มันแพงอยู่แล้ว และเราบอกตามตรงว่าราคาเท่านี้ไม่ได้โก่งกำไรมากมายแต่ประการใด มันเป็นเพราะค่าเงินมาร์คมันแข็ง เราก็ได้แต่ภาวนาว่า ในช่วงที่เรานำรถออกสู่ตลาดค่าเงินมาร์คจะถูกลงบ้าง เพื่อราคารถรุ่นนี้จะได้ต่ำลง…" พากเพียร วิริยะพันธ์ ผู้จัดการทั่วไปของธนบุรีประกอบรถยนต์บอกกับ "ผู้จัดการ" อย่างเปิดใจ

เบื้องหลังการแนะนำรถทั้ง 2 รุ่นออกสู่ตลาดนั้น ว่าไปแล้วก็เป็นการเตรียมการตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ยอดขายรถเบ๊นซ์ในประเทศยังไม่ถึงกับทรุดตัวหนักมากนัก

"ผมว่าถ้าเขาออกมาเมื่อ 2 ปีก่อนตอนนั้น ก็คงจะพุ่งแรงไปแล้วเพราะค่าเงินมาร์คก็ยังไม่แข็งมาก ราคาคงจะสู้คู่แข่งได้สบายมาก เพราะโดยชื่อเสียงของเบ๊นซ์ก็กินขาดคู่แข่งอยู่แล้ว" แหล่งข่าวในวงการรถยนต์คนหนึ่งพูดให้ฟัง

แต่ก็นั่นแหละ…จากผลของการที่เบ๊นซมีมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพของรถอย่างใกล้ชิดและพิถีพิถัน ชิ้นส่วนภายในประเทศที่รัฐบาลกำหนดให้ใช้อย่างน้อย 45% ก็ได้ทำให้ทางธนบุรีประกอบรถยนต์ต้องเสียเวลาไปกับการส่งชิ้นส่วนที่ผลิตได้ในประเทศไทยไปตรวจสอบที่เยอรมันกินเวลาถึงเกือบ 2 ปีกว่าที่ทางเบ๊นซ์จะยอมให้นำมาประกอบเป็นเบ๊นซ์ทั้ง 2 รุ่นนี้ได้

"แต่ถ้าจะมองกันอีกด้านหนึ่งแล้วเวลาที่ต้องเสียไปนี้ก็คือคุณภาพของรถที่ประกอบในประเทศก็จะมีคุณภาพทัดเทียมกับที่ประกอบในต่างประเทศ แม้แต่ที่โรงงานของบริษัทแม่เอง…" ผู้บริหารคนหนึ่งของธนบุรีพาณิชย์กล่าว

และแม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างสะบั้นหั่นแหลกอย่างไรโดยเฉพาะในเรื่องราคา สำหรับธนบุรีพาณิชย์ก็ตั้งเป้าการขายรถรุ่น 230 E อย่างเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลิตออกมาขายได้เดือนละอย่างน้อย 50 คันในขณะที่ระยะที่ผ่านมารถเบ๊นซ์ที่ขายๆ กันอยู่หลายๆ รุ่นนั้นออกจากโรงงานเดือนละ 120 คัน โดย 80% ของตลาดจะอยู่ในกรุงเทพฯ

"อันนี้ก็คงจะไม่ได้หมายความว่าคนต่างจังหวัดไม่ค่อยซื้อเบ๊นซ์ใช้นะคือตามสถิติการขาย เราพบว่ามันเป็นอย่างนั้นคือมีไม่น้อยที่คนต่างจังหวัดเขามาซื้อในกรุงเทพฯ และขึ้นทะเบียนกรุงเทพฯ" พากเพียร ชี้แจง

การประกาศตัวแนะนำรถเบ๊นซ์รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้จัดกันขึ้นที่โรงแรมฮิลตันฯ อย่างเอิกเกริกพอสมควร เพราะก็มีตัวแทนจำหน่ายทั้ง 17 รายมากันเกือบครบรวมทั้งผู้สื่อข่าวทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์อีกจำนวนมาก

แต่ถ้าจะพูดถึงงบในการจัดทำโปรโมชั่นกันแล้ว ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีคำตอบจากฝ่ายบริหารว่าจะมีการเปลี่ยนโฉมหน้าจากการซุ่มเงียบๆ มาเป็นการอัดฉีดกันให้อึกทึกครึกโครมหรือไม่

"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา เป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากเราก็คงจะใช้การโปรโมชั่นตรงมากกว่าจะต้องใช้สื่อหลายๆ ประเภท…" ผู้บริหารอย่างพากเพียรบอกเป็นนัยๆ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us