ตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์ ปี 52 รายได้เพิ่ม 457 ล้านบาท หรือ 122% จากปี2551รายได้ 205 ล้านบาท เหตุรายได้จากพอร์ตการลงทุนโต 43% และวอลุ่มการซื้อขายเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ขยายตัว

รายงานข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ในปี 2552 ตลาดหลักทรัพย์ฯมีรายได้รวม 3,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% จากปี 2551 ที่มีรายได้รวม 2,821 ล้านบาท เนื่องจาก ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น13.1% จาก 16,118 ล้านบาทต่อวันในปี 2551 เป็น 18,226 ล้านบาทต่อวันในปี 2552 ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของอนุพันธ์เพิ่มขึ้น 44.5% จาก 8,837 สัญญาในปี 2551 เป็น 12,7771 สัญญาในปี 2552

ทั้งนี้ส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ในปี52 เพิ่มขึ้นจาก 535 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 630 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากงานชำระราคาและรับฝากหลักทรัพย์เพิ่มเป็น 215 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 203 ล้านบาท รายได้จากการบริการบริษัทหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นเป็น 215 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 158 ล้านบาท รวมทั้งมีรายได้จากเงินลงทุนจำนวน 876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 263 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.9% จากปี2551 ที่มี 613 ล้านบาท

ดังนั้นจึงทำให้ในปี 2552 ตลาดหลักทรัพย์ฯมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน 457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 122% จากปี2551 ที่มี 205 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย เพราะ มีรายได้เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น 42.9% จากการที่ได้รับเงินปันผลรับจากการลงทุนรวมเพิ่มขึ้นจำนวน 200 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิที่ได้จากการขายเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท และการกลับรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนของบริษัทร่วมแห่งหนึ่งที่ได้ตั้งสำรองไว้ในปี 2551 เนื่องจาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทร่วมที่ดีขึ้น

ทำให้ สิ้นปี 2552 ตลาดหลักทรัพย์ฯมีสินทรัพย์รวม 20,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากปี 2551 ที่มี18,000 ล้านบาท มีเงินกองทุน 15,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% จากปี 2551 ที่มี14,192 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 4,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.4% จากปี 2551 ที่มี 3,808 ล้านบาท

อนึ่งก่อนหน้านี้นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯในปี2552 ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจาก มูลค่าการซื้อขายของตลาดรวมปีที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น 13% อยู่ที่ 17,853.82 ล้านบาทต่อวัน จากปี2551 ที่มี 15,869.94 ล้านบาทต่อวัน และพอร์ตการลงทุนของบริษัทดีขึ้นจากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งงบการเงินของตลาดหลักทรัพย์ฯขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ คาดว่าจะเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนเม็ดเงินที่ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่ได้ลงทุนในกองทุนร่วมทุน(แมทชิ่งฟันด์)กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)นั้น ตลท.จะนำไปใช้ในการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯด้านอื่นๆแทน