|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ทุนธนชาต"ฟุ้งสินเชื่อรวมไตรมาสแรกโต 3% รับอานิสงส์ยอดขายรถยนต์พุ่ง พร้อมเน้นขยายธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่ม ลั่นหลังควบรวมสคิบปรับสัดส่วนสินเชื่อรวมเป็นรายใหญ่-เอสเอ็มอี 50%-เช่าซื้อ50%
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) เปิดเผยว่า การเติบโตสินเชื่อรวมในไตรมาส 1 ของ 2553 ที่ผ่านมาของบริษัททุนธนชาตมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปลายปี 2552 ประมาณ 3% ซึ่งเป็นการเติบโตตามการฟื้นตัวของยอดจำหน่ายรถยนต์ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น
โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในไตรมาส 1 นั้น มีการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 4% จากปลายปีที่แล้วหรือปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 8,000 – 10,000 ล้านบาท โดยในช่วงปลายปีที่แล้วฐานสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของบริษัททุนธนชาตซึ่งอยู่ที่ 2.06 แสนล้านบาท แต่ในช่วงเดือน มี.ค. 2553 ฐานสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบระดับ 3 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัททุนธนชาตจะยังคงให้ความสำคัญกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายรักษาอันดับหนึ่งของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปีนี้ให้ได้ เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันทางด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เริ่มหันมารุกสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มากขึ้น
"ยังไงเราก็ต้องให้ความสำคัญกับสินเชื่อรถยนต์มากที่สุด เพราะเป็นธุรกิจหลักของเรา และเราจะต้องรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งของเราให้ได้ แม้การแข่งขันจะมีความรุนแรงและคู่แข่งจะเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ แต่เราคงไม่ยอมเสียความเป็นเบอร์หนึ่งให้ใครง่ายๆ" นายสมเจตน์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัททุนธนชาตจะเน้นธุรกิจทางด้านบัตรเครดิตเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ โดยเป้าหมายหลักของธุรกิจบัตรเครดิตคือการนำเสนอแคมเปญต่างๆที่จะสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้มากที่สุด ทั้งในเรื่องของการซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการต่างๆ
ในส่วนของสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)ในปีนี้บริษัททุนธนชาต ก็จะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันสภาพคล่องของบริษัททุนธนชาตอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้สามารถเข้าไปในกลุ่มลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอีได้มากขึ้น โดยปัจจุบันฐานสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอีของบริษัททุนธนชาตอยู่ที่ประมาณ 7.6 หมื่นล้านบาท
โดยปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อรวมของบริษัททุนธนชาตแบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 74% ของฐานสินเชื่อรวม สินเชื่อรายใหญ่ 20% และสินเชื่อรายย่อยอีกประมาณ 6-7% แต่หลังจากการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นบริษัททุนธนชาตจะปรับลดสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ลงมาเหลือ 50% และอีก 50% จะเป็นสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอี
"หลังจากควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทยแล้ว เราคงต้องปรับสัดส่วนสินเชื่อใหม่ เพราะฐานสินเชื่อส่วนใหญ่ของธนาคารนครหลวงไทยจะเป็นสินเชื่อรายใหญ่กับสินเชื่อเอสเอ็มอี แต่ของเราจะเป็นสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งเมื่อควบรวมกันแล้วสัดส่วนสินเชื่อของเราคงจะเป็นรถยนต์ 50% และรายใหญ่กับเอสเอ็มอี 50%" นายสมเจตน์ กล่าว
สำหรับเป้าหมายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปีนี้นั้นคาดว่าเอ็นพีแอลจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้วซึ่งเอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ 2.49% ซึ่งในปีนี้ บริษัททุนธนชาตตั้งเป้าหมายเอ็นพีแอลไว้ที่ระดับ 2.6-2.7%
|
|
|
|
|