|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ททท.ผนึก ร.พ. และสถานบริการ โปรโมตท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ บูมไทยขึ้นชั้น “เดสติเนชั่นการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ” ระดับโลก เตรียมนัดหารือเอกชน 200 รายพรุ่งนี้หาข้อสรุป ก่อนคิกออฟ 3 แคมเปญ ปูพรม ก.ค.ศกนี้ ลากยาวถึง ปีหน้า เจาะ 3 กลุ่ม ตลาดอาเซียน ยุโรป และตะวันออกกลาง เน้น เปิดเว็บไซต์ และใช้สื่อออนไลน์ทุกรูปแบบ มั่นใจดันธุรกิจบริการทางการแพทย์ไทยโตก้าวกระโดดโกยรายได้นับหมื่นล้านบาทต่อปี
น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว และนายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ร่วมกันเปิดเผยว่า ททท. ได้จับมือกับภาคธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนและสถานบริการด้านสุขภาพ จัดทำโครงการ “การตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของประเทศไทยผ่านสื่อออนไลน์” โดยในวันที่ 20เม.ย.2553 นี้ จะเชิญภาคเอกชนที่อยู่ในธุรกิจโรงพยาบาลและสถานบริการด้านสุขภาพ กว่า 200 ราย มาประชุมหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้งก่อนเปิดตัวโครงการในเดือนพ.ค.ศกนี้
โครงการดังกล่าวมี วัตถุประสงค์เพื่อ ดำเนินการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าไทยเป็นเวิล์ดเดสติเนชั่นของการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ โดยมีเป้าหมายหลัก คือ ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา อังกฤษ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เอเชียใต้ และ 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียน นอกจากนั้นยังมีเป้าหมายรอง อาทิ รัสเซีย ยุโรปตะวันออก และ แคนาดา
เบื้องต้นโครงการ จะแบ่งเป็น 3 แคมเปญ ใน 3 ระยะ ตั้งแต่ปี 2553-2554 ได้แก่ 1.แคมเปญ YOU are in good hands เริ่มโครงการ ก.ค.2553 – มี.ค.2554 เน้นโปรโมต สร้างภาพลักษณ์ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการสุขภาพของประเทศไทย ที่มีมาตรฐานระดับสากล ทั้งสถานที่ และทีมแพทย์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความเชื่อถือ มั่นใจ พร้อมเปิดเว็บไซต์ www.youareingooghands.net และจัดทำสื่อดิจิตอล เพื่อการประชาสัมพันธ์ อาทิ
วิดีโอคลิป ซีดีรอม อี-นิวส์ บล็อก เพาเวอร์พอยส์ และจัดแฟมทริปเชิญสื่อออนไลน์เยี่ยมชมสถานที่เพื่อนำข้อมูลไปเขียนเผยแพร่บนเว็บไซต์ ทำอีเมลล์มาเก็ตติ้ง และ โซเชียลเน็ตเวิร์ครูปแบบต่างๆ
2. แคมเปญ Thailand Medical Tourism Blog Contest เริ่ม ส.ค.-ธ.ค. 2553 เน้นประชาสัมพันธ์ในกลุ่มนักเขียนด้าน เมดิคัลทัวริส ทั่วโลก ได้มีโอกาสเยี่ยมชมสถานบริการด้านสุขภาพและบริการ ของประเทศไทย รวมถึงจัดทำเว็บไซต์ www.MedBlogContest.com และ3. แคมเปญ Healthy&Beauty Holiday ระยะเวลา ส.ค.2553-มี.ค.2554 เน้นประชาสัมพันธ์กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้มาใช้บริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพในประเทศไทย และสร้างช่องทางออนไลน์ประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่มผู้ให้บริการสุขภาพและท่องเที่ยว จัดทำเว็บไซต์ www.Healthybeautyholiday.com พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยร่วมกับพันธมิตรทั้งในระดับท้องถิ่นในประเทศเป้าหมาย และ ในระดับโลก ทางออนไลน์ จำนวน 6 ราย แบ่งเป็นระดับท้องถิ่น 4 ราย จากประเทศ สิงคโปร์ เกาหลี เวียดนาม และ ญี่ปุ่น ในระดับโลก 2 ราย
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาคเอกชนของไทย ที่จะเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ โรงพยาบาล คลินิกเฉพาะทาง สปาสุขภาพ และบริการอื่นๆที่เกี่ยวกับสุขภาพ โดยต้องมีที่ตั้งของสถานบริการ ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ สมุย เชียงใหม่ พัทยา กรุงเทพฯ และภูเก็ต โดยคุณสมบัติของผู้ประกอบการต้องได้รับมาตรฐาน HA โดยสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาลไทย, ใบรับรองมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2551 หากเป็นบริษัทนำเที่ยว ต้องมีใบอนุญาต ประกอบธุรกิจนำเที่ยว จากสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ , ผู้ประกอบการต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อนำมาเชื่อมต่อกับเว็บท่าของโครงการ, ผู้ให้บริการต้องมีเจ้าหน้าที่รองรับการให้บริการลูกค้าทางอีเมลล์และทางโทรศัพท์อย่างน้อย 3 ภาษาหลัก ได้แก่ อังกฤษ ญี่ปุ่น และ เกาหลี
ทั้งนี้การที่ ททท.มุ่นเน้นการตลาดแบบออนไลน์ เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการทางการแพทย์กลุ่มนี้ ต้องการความเป็นส่วนตัว และ การบอกกล่าวจากผู้มีประสบการณ์ตรงมาก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของศัลกรรมความงาม ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับทั้งด้านศัลยกรรมความงาม และการรักษาพยาบาล แต่เป็นการทำตลาดเพียงภาคเอกชนต่างคนต่างทำ
ซึ่งการดำเนินงานทางการตลาดของ ททท.ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก ที่หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเอกชนในการทำตลาดอย่างจริงจัง ยิ่งทำให้บริการทางการแพทย์ของไทยได้รับความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น สำหรับงบประมาณโครงการ จะนำมาจากงบประชาสัมพันธ์และการตลาดในงบประจำปี ซึ่ง ททท.เน้นสื่อออนไลน์มากขึ้นอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่า
จะทำให้ธุรกิจบริการทางการแพทย์ของประเทศไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดด นำรายได้เข้าประเทศ หลายหมื่นล้านบาทต่อปี จุดแข็งของประเทศไทย คือ งานด้านบริการ และ ราคา ที่ต่ำกว่าคู่แข่งขัน เกือบ 50% ส่วนแพทย์ก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
|
|
 |
|
|