Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์12 เมษายน 2553
ผ่ากลยุทธ์วอลโว่ พิชิตยอดโต100%             
 


   
www resources

โฮมเพจ วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)

   
search resources

วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย), บจก.
Automotive




วอลโว่ปลุกกลยุทธ์ Tie-in กระตุ้นยอดขาย ตั้งเป้าหมายเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 500 คันในปีที่ผ่านมาสู่ 1,000 คันในปีนี้ พร้อมดันเวิร์น ดีลเลอร์รายใหญ่ในกรุงเทพฯ ขยายตลาดผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ เตรียมเสริมทัพด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ ทั้ง S40 ซีดาน และแวน รวมทั้ง S60 ปูทางเพิ่มตลาดรถยนต์ประกอบในประเทศ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันตลาดรถหรู

แม้การโฆษณาประชาสัมพันธ์จะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง แต่การเลือกใช้กลยุทธ์โฆษณาแฝง ก็เป็นอีกวีธีหนึ่งที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการโฆษณาแฝงแบบ Tie-in ผ่านละครโทรทัศน์ในช่วงที่ผ่านมาของวอลโว่ ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี อาทิเช่นละครโทรทัศน์เรื่อง ทัดดาวบุษยา ทางช่อง 3 ที่พี่งจบไป

การนำรถยนต์วอลโว่ รุ่นธงโดยเฉพาะ XC90 เข้าไปร่วมในฉาก ทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งเกิดความประทับใจในภาพลักษณ์ และความสวยงามของตัสผลิตภัณฑ์ แหล่งข่าวจากวอลโว่ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงละครออนแอร์ จนถึงละครจบไปแล้ว มีลูกค้าเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นที่นำเข้าใช้ถ่ายละคร และอีกบางส่วนมีการสั่งซื้อรถยนต์รุ่นนั้นๆ

การทำตลาดผ่านกลยุทธ์แบบ Tie-in ในละคร อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีบริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ที่เข้าไปทำ แต่ครั้งนี้ถือได้ว่าวอลโว่ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเนื้อเรื่องละครได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นจำนวนมาก นั้นเอง และกลยุทธ์ดังกล่าวน่าจะมีให้เห็นต่อเนื่องในปีนี้อีกเช่นกัน

อย่างไรก็ดีกลยุทธ์ Tie-in อาจสร้างปรากฏการณ์ช่วงสั้นๆ เท่านั้น และการทำตลาดรถยนต์หลักๆ จะอยู่ที่พัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ ล่าสุดวอลโว่ได้นำเข้ารถยนต์ C30 รุ่นปรับโฉมใหม่ในแบบไมเนอร์เชนจ์ และ S80 รุ่นซูพีเรียร์ สำหรับ C30 นั้น มีการปรับปรุงรูปลักษณ์ให้โดดเด่นในสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น ด้านหน้าออกแบบกันชนหน้าใหม่ที่โค้งขึ้น ช่องลมด้านหน้าถูกออกแบบให้ใหญ่ขึ้นคล้ายกับในรุ่นเอ็กซ์ซี60 เป็นต้น มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.999-2.539 ล้านบาท

ขณะที่ S80ซูพีเรียร์ นั้น มีการเพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัยเพิ่มขึ้นให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในระดับราคาที่ต่ำลงคือ2.79 ล้านบาท โดยรุ่น S80 เดิมอยู่ที่กว่า 3 ล้านบาท ทำให้ราคาเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญของวอลโว่ในตลาดรถหรู ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดอัตราภาษีนำเข้าของเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้านั้นเอง

ฉันทนา วัฒนารมย์ ประธาน บริษัท วอลโว่ คาร์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายที่ว่างไว้ทั้งหมด 1,000 คัน จะมาจากรถยนต์รุ่น S80 เป็นหลักคือ 40% ขณะที่รถยนต์ครอสโอเวอร์ XC90 และรถยนต์นั่งแวน V40 จะมีสัดส่วนเท่ากันคือ 20% สำหรับรุ่น S 40 จะมีสัดส่วน 10% ขณะที่XC60 และ C30 นั้นจะมีสัดส่วนเท่ากันคือ 5% นอกจากนี้ในช่วงปลายปีวอลโว่ จะเพื่มรุ่น S60 โฉมปรับปรุงใหม่เข้าไปในตลาดอีก 1 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า

สำหรับด้านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายนั้น แรงค์ พี.ที.โอ คอร์เนอร์ จำกัด ซึ่งอยู่ในกลุ่ม ของออโตโมทีฟ เวิร์น ประเทศไทย เป็นตัวแทนจำหน่ายที่มีศัยภาพที่สุดเท่าที่วอลโว่ประเทศไทยเคยมีมาก่อน อีกทั้งการเตรียมขยายเครือข่ายในรูปแบบศูนย์บริการย่อยในพื้นที่ต่างๆ นอกเหนือจาก 2 สาขาหลักคือ หัวหมาก และลาดพร้าว น่าจะทำให้วอลโว่เพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งตลาดรถหรูในกรุงเทพฯได้อย่างไม่ยาก เย็นนัก

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์สำคัญอีกประการหนึ่งของวอลโว่ คือ การแข่งขันด้านราคา เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหญ่ทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ราคาของวอลโว่ อยู่ในตำแหน่งที่ลูกค้าสามรรถเข้าถึงได้ง่าย และสะดวกกว่า เมื่อจุดอ่อนในด้านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเริ่มลดลง ผู้บริโภคเริ่มกลัลมาเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และแบรนด์มากยิ่งขึ้น โอกาสการเติบโตในตลาดรถหรูก็มีเพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้นการเพิ่มสัดส่วนรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศ หรือซีเคดี ที่เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งส่งผลต่อการทำตลาดในระดับราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งขันในตลาด ฉันทนาบอกว่า การทำตลาดรถซีเคดียังเป็นนโยบายหลักของวอลโว่ในประเทศไทย ปัจจุบันนอกจากรุ่นเอส80 และรถอเนกประสงค์รุ่นเอ็กซ์ซี90 แล้ว วอลโว่อยู่ระหว่างการเจรจาขอประกอบครอสโอเวอร์รุ่น XC60 ในไทยอีกรุ่น

“การทำซีเคดีในไทยจะทำให้ส่วนต่างของราคา ลดลงจากการนำเข้าแบบซีบียูเป็นล้านบาท ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยมีโอกาสเป็นเจ้าของรถวอลโว่ได้ง่ายขึ้น" ฉันทนากล่าว

วอลโว่กับอนาคตที่สดใส

ช่วงเวลา 2 เดือนแรกของปี 2553 วอลโว่ทำยอดขายรถยนต์ทุกรุ่นไปแล้ว 70 คัน ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำยอดขายได้ 287 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู 212 คัน ขณะที่ตลาดรถยนต์ระดับหรูในเมืองไทยมีปริมาณปีละราวๆ 7,000 คัน การตั้งเป้าหมาย 1,000 คันของวอลโว่ ถือว่าเป็นปริมาณที่ไม่มากนัก โดยคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 7% เท่านั้น

อย่างไรก็ตามในตลาดรถหรูนั้น ยังมีแบรนด์รถยนต์จากยุโรปอีกหลายๆ แบรนด์อาทิเช่น ซีตรอง เปอโยต์ และออดี้ เป็นต้น ยังไม่รวมรถยนต์เลกซัส รถหรูจากค่ายโตโยต้า ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 330 คัน ซึ่งในเวลานี้คงยังไม่สามารถบอกได้ว่า เป้าหมายของแต่ละแบรนด์จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด แต่สำหรับวอลโว่นั้น การตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 100% พร้อมกับการจัดทัพรถยนต์หลายๆ รุ่นหลายเซ็กเมนท์เข้ามาในตลาดปีนี้ ถือเป็นการรุกตลาดครั้งใหญ่ของวอลโว่

ยังไม่รวมกับการซื้อกิจการวอลโว่ของ จีลี่ โฮลดิ้ง บริษัทรถยนต์อิสระรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งน่าจะมีผลต่อการขยายตัวของแบรนด์วอลโว่ ในอนาคต โดยเฉพาะในแถบเอเซีย ยิ่งน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ถึงอนาคตของวอลโว่ ในประเทศไทย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us