|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โบรกฯคาดวันนี้ ดัชนีหุ้นไทย 12 เม.ย.ปรับตัวลดลงแน่ จากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ หลังเสื้อแดงถาโถมลุยทหาร จนมีการบาดเจ็บ ล้มตาย ชี้จับสัญญาณต่างชาติถอย เทขายหุ้นตามกองทุนต่างประเทศ ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่เริ่มประกาศพ.ร.ก. เพื่อรอดูสถานการณ์ วอนทุกฝ่ายรีบหาทางแก้ไขที่ชัดเจน ยุบสภา เป็นทางออกจริงหรือ หลังเม็ดเงินอัดฉีดเริ่มเห็นผล เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า จากสถานการณ์รุนแรงระหว่างกลุ่มเสื้อแดงและทหาร เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เรื่องดังกล่าว ย่อมมีผลต่อการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (12เม.ย.) แน่ แต่ไม่อาจสรุปได้ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน โดยเมื่อเปิดตลาดอาจมีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง หรือทยอยปรับตัวลดลงไป ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากการขายหุ้นทิ้งของนักลงทุนต่างชาติ ที่ไม่เชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง อันมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย
“ตอนประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินเย็น 7 เม.ย. พอเช้ามาของวันที่ 8 เม.ย.จนปิดตลาด เราจะเห็นว่านักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นออกมา เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งมีนโยบายลงทุนกำหนดไว้ว่าจะไม่ลงทุนในประเทศที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุก เฉิน จนปรับตัวลดลงไป 28 จุด และก็มีการขายสุทธิต่อเนื่องมา 2 วันคือ 8 – 9 เม.ย. ดังนั้นในจันทร์นี้ คาดว่าผู้ที่จะขายสุทธิออกไปอีกของนักลงทุนต่างประเทศที่ไม่ใช่กองทุน แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน”
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ อีกครั้ง มองว่า อยู่ความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศ ให้มีทิศทางและทองออกที่ชัดเจน เพื่อให้นักลงทุนได้รับรู้และรับทราบ เพื่อมองภาพการลงทุนในระยะยาวต่อตลาดหุ้นไทยออกว่าจะเป็นอย่างไร
เพราะ หากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ปัญหาความคลุมเครือที่นักลงทุนยังเป็นกังวลอยู่ก็จะหมดไป และจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยให้กับมาอยู่ในทิศทางที่บวกอีกครั้ง
“เราต้องมีทางออกที่เคลียร์ใจทุกฝ่ายได้ชัดเจน จะชุมนุมต่อไปเพื่ออะไร ยุบสภาแล้วจะได้อะไร จะมีการประท้วงออกมาอีกหรือไม่ เรื่องเหล่านี้ ต้องมีการแก้ปัญหาที่ชัดเจน การตัดสินใจเพื่อลงทุนต่อของนักลงทุนอาจต้องเลื่อนออกไป หรือโยกไปลงทุนในประเทศอื่นที่ปลอดภัยกว่า แม้ที่ผ่านมาเราจะเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากการอัดฉีดเม็ดเงินของภาครัฐที่มีสัญญาณที่ดีขึ้นก็ตาม แต่ตราบใดยังมีปัญหาเช่นนี้ ผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศย่อมหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้กลุ่มท่องเที่ยว และโรงแรม ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ แต่ต่อไปกลุ่มอื่นๆ อย่างพลังงาน ธนาคาร ย่อมได้รับผลกระทบด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม”
อนึ่ง เมื่อวันที่ 8เม.ย. ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ ปิดที่ 783.93 จุด ลดลง 28.70 จุด หรือติดลบ 3.53% มูลค่าการซื้อขาย 40,241.66 ล้านบาท ซึ่งมีมูลเหตุจูงใจจากความเสี่ยงการเมืองที่เพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลประกาศใช้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่วันที่ 9 เม.ย. ปิดที่789.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.73 จุด หรือ+0.73%มูลค่าการซื้อขาย 24,116.47 ล้านบาท โดย 2 วันที่มีการประกาศพ.ร.ก. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกไปแล้ว 3,158 ล้านบาท หลังจากที่ซื้อสุทธิต่อเนื่องมาตลอด 3 1 วันก่อนหน้านี้
|
|
|
|
|