Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2529
นรฤทธิ์ โชติกเสถียร ทายาทคนใหม่ของอาคเนย์ฯ             
 


   
search resources

อาคเนย์ประกันภัย (2000), บจก.
นรฤทธิ์ โชติกเสถียร
Insurance




คนไทยในตระกูลใหญ่ๆ หากนักทวนต้นตระกูลขึ้นไปสักสาม-สี่ชั่วอายุคนก็จะพบว่าบรรพบุรุษของตระกูลนั้นมีเชื้อสายจีนที่เป็นเจ้าภาษีนายอากรเช่น ตระกูล "โชติกเสถียร" , "โชติกะพุกกณะ" (ซึ่งเกิดกับพระยาโชฎึกฯ อีกท่านหนึ่ง), "ฮุนตระกูล" หรือ "พิศาลบุตร" เป็นต้น คนจีนที่ได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าภาษีนายอากรถือศักดินา ถือได้ว่าเป็น "จีนศักดินา" ที่ได้กลายเป็นข้าราชบริพารฝากฝังกันมาหลายชั่วอายุคนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งลูกหลายเหลนได้แตกแขนงไปเป็นพ่อค้า ข้าราชการกันเสียมาก

นรฤทธิ์ โชติกเสถียรก็เป็นคนหนุ่มคนหนึ่งที่สืบเชื้อสายจีนแคะมีบรรพบุรุษคุณทวดเป็น จีนศักดินา "พระยาโชฎึกราชเศรษฐี" ในรัชกาลที่ 5 เจ้าคุณปู่ก็รับราชการทำความดีความชอบได้รับตำแหน่งพระยาธรรมจรรยานุกูลมนตรี (ทองดี โชติกเสถียร) จนตกมาถึงรุ่นพ่อก็มีตำแหน่งต้นห้องรองเสวกโทรองสนิทของรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ

ท่านรองสนิทคนนี้เองที่ริเริ่มก่อตั้งบริษัทอาคเนย์ประกันภัยขึ้นเมื่อ 40 ปีก่อน และผู้ที่ถือกรมธรรม์ฉบับแรกหมายเลข 1 ก็คือสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีในรัชกาลที่ 7 จนกระทั่งปัจจุบัน บริษัทนี้จัดอยู่ในอันดับที่ 4 โดยมีบริษัทไทยประกันชีวิต, เมืองไทยประกันชีวิตและไทยสมุทรฯ อยู่ใน 3 อันดับแรก

และเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านาในงานครบรอบ 40 ปีของอาคเนย์ประกันภัย ที่โรงแรมดุสิตธานี "ผู้จัดการ" ก็ได้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกับนรฤทธิ์ โชติกเสถียรผู้มีแนวโน้มในอนาคตว่าจะเป็น "ทายาทของอาคเนย์ประกันภัย" คนต่อไปสืบต่อจากอาทร ติดตรานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทคนปัจจุบันซึ่งขณะนี้อายุ 58 ปี

"สำหรับผมไม่คิดหรอกฮะ เพราะว่าในที่สุดแล้วการเราสวมหมวกสองใบ คือเป็นทั้งรองผู้จัดการที่ทำงานด้วย มันมีทั้งดีและเสีย ใน Long run ผมคิดว่าจะต้องใช้โปรเฟสชั่นแนลมาทำงานจริงๆ ผมคงช่วยทางด้านนโยบาย อย่างกรณีของคุณอาทรก็เป็นมือโปรเฟสชั่นแนลมาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็หาคนแบบนี้ได้ยาก เพราะงานประกันภัยเป็นงานที่ต้องการคนรู้เรื่องตัวเลขคณิตศาสตร์ดี อีกประการหนึ่งที่สำคัญต้องรู้เรื่องมนุษย์และด้านการตลาดดีมากด้วย แค่เก่งคณิตศาสตร์อย่างเดียวไม่พอ" นรฤทธิ์กล่าวหลังอิ่มอร่อยกับอาหารจานใหญ่และจุดบุหรี่วินสตันสูบแล้ว

ในอดีตของนรฤทธิ์เป็นเด็กเรียนเก่ง จบมศ.5 จากโรงเรียนวชิราวุธแล้วสอบชิงทุนเอเอฟเอส.บินไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา เรียนรุ่นเดียวกับเดช บุลสุขแห่งแมคโดนัลด์ เมื่อกลับเมืองไทยก็ทำงานรับจ้างขายตั๋วเครื่องบินสายนอร์ทเวสต์แอร์ไลน์ 8 เดือนระหว่างรอสอบเอ็นทรานซ์ได้เห็นเด็กหนุ่มสาวอเมริกันที่กล้าคิดริเริ่มกว่าเด็กไทย ทำให้เมื่อกลับมาเรียนต่อคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ก็ได้จัดทัวร์บินไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆ

นี่เองเป็นช่องทางแรกเริ่มที่ทำให้นรฤทธิ์ก้าวเข้ามาเดินในถนนธุรกิจ

"ตอนนั้นเงินผ่านมือผมเป็นล้าน-ผมก็มานั่งคิดว่า เอ๊ะ-เราทำได้นี่ อะไรที่เราตั้งใจจะทำ ผมคิดว่าเราทำได้ ปรากฎว่าการจัดทัวร์เหมาเครื่องบินตอนนั้นผมสามารถหาเงินช่วยการกุศลได้ตั้งสองสามแสนบาทให้กับสมาคมนักเรียนเก่าเอเอฟเอส."

จบจากธรรมศาสตร์ในปี 2516 นรฤทธิ์ก็สนใจทำงานด้านการเงินก็เลยสมัครเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อาคเนย์ธนกิจ ในระยะเวลาสั้นเพียง 2 ปีเขาก็ได้รับการโปรโมทเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ขณะที่เขาเพิ่งย่างเข้าวัยเบญจเพสเท่านั้น

"ตอนนั้นผมปวารณาตัวเองไว้ว่า ถ้ายอดสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิม 30 ล้านบาทสามารถขึ้นไปถึงพันล้านได้เมื่อไหร่ ผมจะลาออก ซึ่งก็ใช้เวลาทั้งหมด 8 ปีเต็มๆ และเมื่อครบพันล้านแล้ว ผมก็เลยเปลี่ยนงานอย่างที่ได้ตั้งใจไว้จริงๆ" เขากล่าวด้วยยิ้มและคำพูดที่มั่นใจ

หลังจากเอาชนะในเกมที่เขาคิดว่าจบไปอย่างสวยงามแล้ว นรฤทธิ์หนุ่มไฟแรงก็หางานท้าทายประเภทงานยากต่อไป

สนามที่นรฤทธิ์เลือกลงต่อมาคือ บริษัทอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งพ่อของเขาถือหุ้นและเป็นกรรมการก่อการชุดแรก

นรฤทธิ์ได้เรียนรู้ถึงความยากของการทำงานระดับบริหารที่คุมงานด้านการตลาดประกันชีวิตของอาคเนย์ประกันภัยว่า สิ่งที่ยากที่สุดคือคนหมู่มาก นับตั้งแต่ตัวแทนขายประกันนับพันๆ คน จนกระทั่งถึงพนักงานธุรการเล็กๆ ในบริษัท ในขณะที่งานด้านไฟแนนซ์เป็นเรื่องของการตัดสินใจตัวเลข

"การบริหารงานประกันชีวิตจำเป็นต้อง "แข็ง" ต้องยืนอยู่บน principal ที่ต้องเข้มแข็งทางจิตใจ ต้องตอบปฏิเสธได้บ่อยในการบริหารตัวแทนฯ ตรงนี้แหละที่บางครั้งเราผิดพลาดไปเราไป motivate บางจุดแบบเก่าผิดที่ ผลออกมาจึงเสีย เช่นเราไปจูงใจให้ตัวแทนทำยอดขายมากไปเร่งให้เขาขาย โดยลืมคิดถึงบางเรื่องไป ผลคือคุณภาพของกรมธรรม์ไม่ดี

ถ้าคุณไปเร่งผิดจุด มันพัง คุณต้อง balance ให้ได้ มันเป็นศิลปะ"

โครงการที่ทีมงานของเขาได้คิดริเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ก็ได้แก่สินเบญพร, เคหะบริการ และล่าสุดคือ สินเชื่อปรางค์อรุณ และกรมธรรม์ใหม่ๆ ที่กำลังจะตามมาอีกมากมาย ซึ่งทั้งนี้ก็ต้องอาศัยมันสมองระดับบริหารอย่างเขาเป็นประการสำคัญ

แต่จะสำคัญอย่างไรก็ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง มิฉะนั้นจะพาลเอาชีวิตมาทิ้งกับงานเสียตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่นเสียเปล่าๆ เหมือนครั้งหนึ่งที่เขาเคยจีบหนักแทบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว

"ผมเคยมีสุขภาพโทรมมากๆ จนเป็นไวรัสลงตับเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วสมัยที่มีปัญหายุ่งๆ ของราชาเงินทุน ตอนนั้นผมเครียดมาก สูบบุหรี่จัดจนต้องนอนป่วยที่โรงพยาบาล ผมเริ่มรู้สึกว่าจะเอางานหรือชีวิตดี? ก็มาคิดว่า เอาชีวิตดีกว่า แต่ก็ทิ้งงานไม่ได้ต้องค่อยๆ ทำไปหลังหายป่วย หมออุดมศิลป์ก็แนะนำให้วิ่งเราฟังดูมัน make sence เพราะเราเป็นนักธุรกิจไม่ค่อยมีเวลาเรานัดใครไปตีเทนนิส บางทีก็เสียนัดบ่อยๆ เราก็เกรงใจเพื่อนแต่การวิ่งก็ไปคนเดียวได้ วิ่งไปทั่วทั้งที่สวนลุม หลังบ้านแถวคลองประปาก็วิ่งเป็นคนแรก ที่ไปโลคลับก็ไป มันง่ายดี"

มิน่าเล่า - อาคเนย์ประกันภัยจึงเป็นโต้โผจัดงาน "วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ" ในเดือนพฤศจิกายนปี 2530 (Royal Marathon Bangkok' 87) เพื่อนำรายได้สร้างตึกอนุสรณ์ "สยามินทร์" 100 ปีศิริราช

แต่งานนี้ใครอย่าได้ชวนกรรมการผู้จัดการอาคเนย์ประกันภัย - อาทร ติดตรานนท์วิ่งมาราธอน 42 กม.เสียล่ะ เพราะว่าเท้าซ้ายของท่านสุขภาพไม่ดีมาตลอดหลังจากประสบอุบัติเหตุรถคว่ำจนกระดูกเท้าแตกเป็นสองเสี่ยงเมื่อวันที่ 1 มกราคมของ 10 ปีก่อน

สำหรับนรฤทธิ์ โชติกเสถียร เขากำลังวิ่งอยู่ในลู่แข่งขันของสนามธุรกิจประกันชีวิตจะวิ่งได้ชัยชนะแค่ไหนในเกมวิ่งมาราธอนธุรกิจสายนี้ก็ต้องคอยดูกันต่อไป…

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us