รายงานข่าวการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2530 ซึ่งมีผู้ถือหุ้นเข้าประชุมกว่า
200 คนเพื่อเลือกคณะกรรมการและกรรมการบริหารของธนาคารนั้น เห็นได้ชัดว่า
กลุ่มตระกูลมหาดำรงค์กุล ที่ว่ายอมปล่อยมือ เพื่อธนาคารจะได้ไม่เจ๊งนั้น
ที่แท้จริงแล้วเป็นการวางมืออย่างเสียไม่ได้เท่านั้นเอง จริง ๆ แล้วก็ยังอาลัยอาวรณ์อยู่
ผลการเลือกกรรมการธนาคารในจำนวนกรรมการ 19 คนนี้ ยังเป็นกรรมการชุดเก่าอยู่ถึง
8 คน สำหรับกรรมการบริหารนั้นถูกเลือกเข้ามา 7 คน โดยเลือกจากกรรมการธนาคาร
19 คน รายงานข่าวบอกว่ามี ดร. สม จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งจะเป็นกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ประพนธ์
ศาตะมาน ดิลก มหาดำรงค์กุล ภูริช มหาดำรงค์กุล วิจิตร สุพินิจ ซึ่งเป็นตัวแทนจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน
พล.ต.อ. เสน่ห์ สิทธิพันธ์ สุธี เอกหิตานนท์ ซึ่งจะเข้ามาจัดระบบบัญชีของธนาคารทั้งหมด
ไพบูลย์ พานิชชีวะ จากกลุ่มศรีเฟื่องฟุ้ง
จากนั้นมาหนึ่งสัปดาห์ ดร. สม จาตุศรพิทักษ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์"
ว่า ตนเองได้ยื่นเงื่อนไขต่อแบงก์ชาติ ไปแล้ว 4 ข้อ คือ หนึ่ง-ตัวเองต้องการสามารถเลือกรองผู้จัดการใหญ่เข้ามาเอง
2 คน สอง-บุคคลที่จะเข้ามาเป็นกรรมการบริหารเหล่านั้นจะต้องเป็นกลาง สาม-แบงก์ชาติและผู้ถือหุ้นจะต้องให้อิสสระในการบริหารงานแก่ตน
สี่-แบงก์ชาติจะต้องให้การช่วยเหลือทางด้านการเงินในรูปเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวน
3,500 ล้านบาท