|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เจนนิสา คูวินิชกุล ตัดสินใจออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์หลังจากจบการศึกษา โดยยังไม่เริ่มทำงานกับครอบครัวตั้งแต่แรก ผลจากการเรียนรู้โลกธุรกิจภายนอกสามารถนำมาเชื่อมโยงกับธุรกิจให้กับครอบครัวในท้ายที่สุด
แม้ว่ามุมมองของเจนนิสา วัย 31 ปีบอกกับผู้จัดการ 360 ํ ว่า ธุรกิจอะลูมิเนียมของครอบครัวที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เป็นธุรกิจที่ไม่เซ็กซี่ เพราะชีวิตการทำงาน ต้องคลุกอยู่แต่ในโรงงานตลอดทั้งวัน จนเธอบอกอย่างอารมณ์ดีว่าได้กลายเป็นสาวโรงงานไปเรียบร้อยแล้ว
เจนนิสาเป็นลูกสาวคนโตในจำนวน 3 พี่น้องของบิดา-ธเนศ และมารดา-อัญชัญ ส่วนน้องอีก 2 คนอยู่ระหว่างการศึกษา แต่เป้าหมายของทั้งสามพี่น้องคือกลับมาสืบทอดธุรกิจให้ครอบครัว
ประสบการณ์การทำงานของเจนนิสาในช่วงระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมาในการแสวงหาความรู้จากภายนอก เกิดจากการผลักดันของครอบครัว และความปรารถนาของเธอเองที่ต้องการเรียนรู้โลกธุรกิจภายนอก
ทำให้เธอตัดสินใจเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นได้ศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่ Harvard Business School ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา
การเลือกเรียนที่ Harvard ของเจนนิสา เป็นเป้าหมายของเธอที่ต้องการสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เพราะเธอมองว่านักเรียนที่นี่มาจากหลายธุรกิจและเป็นธุรกิจชั้นนำของโลก
ดังนั้น การมีเครือข่ายย่อมสร้างโอกาสให้เธอได้เรียนรู้ธุรกิจหรือขอคำแนะนำ และในอนาคตสามารถต่อยอดให้กับธุรกิจของครอบครัว และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ขณะนี้น้องของเจนนิสากำลังเรียนอยู่ในสถาบันนี้เช่นเดียวกัน
มีหลายคนที่จบจาก Harvard เช่น บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการบริหาร และประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย
ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนไทยของเจนนิสา ก็มีฐาปนี สิริวัฒนภักดี บุตรสาวของเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มธุรกิจเบียร์ช้าง หรือณัฐธีรา บุญศรี หนึ่งในทายาทตระกูลเซ็นทรัล
แม้ว่าเจนนิสาจะจบจาก Harvard แล้วก็ตาม แต่เธอยังมีบทบาทเป็นกรรมการของสมาคมศิษย์เก่า (Harvard Club of Thailand) อยู่ในปัจจุบัน
การเรียน Harvard เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง และศิษย์เก่าที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในประเทศไทย
เจนนิสาเริ่มศึกษาตลาดอะลูมิเนียมในต่างประเทศอย่างจริงจัง ด้วยการเข้าไปทำงานในบริษัทเกล็นคอร์ ฮ่องกง ที่ดำเนินธุรกิจเป็นซัปพลายเออร์ด้านวัตถุดิบและสินค้าต่างๆ เจนนิสาทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านการบริหารธุรกิจและผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการด้านสัญญาธุรกิจ
ด้วยประสบการณ์การทำงานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เจนนิสาตัดสินใจก่อตั้ง บริษัทพรอสต้า จำกัด ในฮ่องกงและนั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เพื่อจำหน่ายสินค้าอะลูมิเนียมให้กับประเทศจีน และปัจจุบันบริษัทพรอสต้าเป็นบริษัทในเครือของบริษัทเอ็ม ที อลูเม็ทฯ
นอกเหนือจากการเรียนรู้ทางด้านธุรกิจอะลูมิเนียม เจนนิสายังศึกษาธุรกิจทางด้านการเงิน เพราะในช่วงที่เธอเรียนใน Harvard เธอได้เข้าไปฝึกงานที่ซิตี้กรุ๊ปในฮ่องกง แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะสั้นๆ แต่ก็ ทำให้เธอตัดสินใจเข้าไปทำงานในบริษัท แมคคินซี แอนด์ คอมพานีในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเรียนรู้ธุรกิจด้านการเงินเพิ่มเติม
ประสบการณ์การทำงานในโลกธุรกิจภายนอกของเจนนิสาเกิดขึ้นจากความสนใจของเธอ และเป็นการปูพื้นฐานธุรกิจจากภายนอก ก่อนที่จะเข้ามาทำงานอย่างเต็มที่เมื่อปีที่ผ่านมา
บิดาและมารดาของเธอมองว่า หลังจากที่เจนนิสาเข้ามาบริหารงาน จะเป็นช่วงเวลาก้าวกระโดดของบริษัท เพราะเป็นช่วงเวลาสร้างธุรกิจในมิติต่างๆ ให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งด้านการตลาด เทคโนโลยีและเงินทุน และสิ่งสำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็มให้ธุรกิจเดินหน้าไปข้างหน้า นั่นก็คือการสร้างเครือข่ายของเจนนิสาจะช่วยทำให้ธุรกิจเกิดการต่อยอดได้มากขึ้น
สิ่งที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจนนิสา นอกจากพ่อแม่ของเธอแล้วการนิมนต์ เจ้าอาวาสวัดยานนาวาไปทำบุญที่โรงงานถนนบางนา-ตราด 42 จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อปลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่า จะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ไม่น้อย เพราะมีการทายทักว่า เจนนิสาจะเป็นคนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ
มารดาของเจนนิสาบอกว่า เธอเป็นคนทำงานเร็วเหมือนติดจรวด จนบางครั้งคิดตามไม่ทัน แต่ในหน้าที่ของพ่อแม่คือการสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพื่อประคับประคองให้ธุรกิจผ่านปัญหาและอุปสรรค ดังนั้น การทำงานในช่วงระยะเวลานี้ จึงเป็นการประสานการทำงานระหว่างรุ่นบิดามารดารุ่นที่ 1 และรุ่นลูก ซึ่งเป็นรุ่นที่ 2
ที่ผ่านมาบริษัทพบอุปสรรคในการบริหารงานค่อนข้างหนัก จากทั้งวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 หรือวิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ธเนศและอัญชัญก็หวังว่าธุรกิจในอนาคตจะดำเนินไปด้วยดี
"เราจะเริ่มรีไทร์ตัวเอง หลังจากที่ลูกๆ เข้ามาช่วยงานกันจนครบแล้ว" เป็นคำกล่าวทิ้งท้ายของบิดาและมารดาของเจนนิสา
|
|
|
|
|