เจริญ คันธวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ เขตยานนาวา
และนายจ้างดีเด่นคนล่าสุดนี้ เป็นผู้ที่คนในแวดวงการศึกษาและชาวบ้านเขตยานนาวารู้ดีว่า
มีมนุษยสัมพันธ์ดี อ่อนน้อมถ่อมตน หมั่นพัฒนาตนเองและรู้จักใช้คน
ถ้าจะกล่าวถึงการพัฒนาตนเองของเจริญแล้วคงต้องดูที่บทบาทอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเริ่มแรกที่ต้องทำงานร่วมกับผู้ที่มีความรู้และอาจารย์ซึ่งส่วนใหญ่มีความรู้ระดับปริญญาโทขึ้นไป
ทั้งที่ขณะนั้นเจริญยังเป็นมือใหม่ทั้งด้านบริหารการศึกษาและริหารงานเชิงธุรกิจ
แต่เจริญก็สามารถพัฒนาตนเองไปพร้อม ๆ กับการพัฒนามหาวิทยาลัยกรุงเทพให้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
เจริญขณะนี้อายุ 54 ปี เป็นคนจังหวัดลำปาง เรียนหนังสือชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัยเชียงใหม่
จากนั้นเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก และเจริญก็เป็นนักเรียนเก่าอัสสัมชัญคนหนึ่งที่โรงเรียนภาคภูมิใจ
ถึงกับได้รับเกียรติเป็น 1 ใน 64 V.I.P. ที่มีประวัติอยู่ในหนังสืออัสสัมชัญ
อุโฆษสมัยครบรอบ 100 ปีของโรงเรียนฯ
เมื่อจบการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาฯ เจริญก็เข้ารับราชการเป็นนายทหารม้าประจำอยู่ที่จังหวัดสระบุรี
ได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง แล้วจึงไปเรียนต่อปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหวิทยาลัย
SYRACUSB สหรัฐอเมริกา จบแล้วกลับมาเป็นอาจารย์ประจำที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
อีกประมาณ 1 ปี
เจริญบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่า เมื่อเรียนจบใหม่ ๆ นั้นทำงานไม่เป็น
ยิ่งงานบริหารยิ่งไม่รู้เรื่อง แม้งานร่างหนังสือก็ยังเป็นปัญหา
"…เมื่อครั้งเป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ จำได้ว่าเคยทำหนังสือถึงคณบดีเองหนึ่งขึ้นต้นลงท้ายก็ไม่เป็น
พรรณาเรื่องราวลำดับความไม่รู้เรื่อง ทำหนังสือไปแล้วยังนึกในใจว่า คณบดีจะเข้าใจในเรื่องที่เสนอไปหรือไม่"
เจริญย้อนอดีตเมื่อเริ่มทำงานใหม่ ๆ"
แม้ในการร่างหนังสือครั้งสำคัญเพื่อเสนอต่อกระทรวงศึกษาที่จะขอยกฐานะโรงเรียนไทยเทคนิคให้เป็นวิทยาลัยกรุงเทพ
เจริญยังต้องให้ผู้ช่วยร่างหนังสือให้
สำหรับเจริญแล้วเขายอมรับว่างานหลายอย่างเขาเรียนรู้จากผู้ใต้บังคับบัญชาที่เก่งกว่า
ไม่ว่าจะเป็นงานในระดับบริหาร หรือแม้แต่งานร่างหนังสือ
เจริญไม่ใช่คนเรียนเก่งแต่เป็นผู้มีความมานะ และหมั่นพัฒนาตนเอง เมื่อ
ร.ต.อ. สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ชักชวนมาเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนไทยเทคนิคในปี
2505 เจริญได้เรียนรู้การทำงานหลายอย่างจาก ร.ต.อ. สุรัตน์ โดยเฉพาะในช่วงที่โรงเรียนไทยเทคนิคได้ยกระดับเป็นวิทยาลัยกรุงเทพ
เจริญได้รับตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งมีงานบริหารและจัดการที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น
"ผมตอนั้นจบปริญญาโท ไม่มีความรู้ด้านบริหารโดยตรงเลย และยังต้องทำงานกับผู้มีความรู้
พวกเก่ง ๆ ระดับดอกเตอร์ ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่า จะใช้พวกเขาทำงานได้อย่างไรกัน"
เจริญพูดถึงการบริหารงานที่วิทยาลัยกรุงเทพในช่วงแรก ๆ
เจริญพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการพัฒนาตนเอง เข้าอบรมสัมมนาในทุก ๆ งานที่เกี่ยวข้องกับกรบริหาร
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นพูดคุยกับผู้มีความรู้เพื่อนำความรู้ใหม่มาเสริมแต่งประสบการณ์ของตน
แต่มี 2 สิ่งที่เจริญยอมรับนับถืออย่างที่สุดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเรียนรู้การบริหารงานและการพัฒนาตนเองคือ
หนึ่ง ร.ต.อ. สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ "คุณสุรัตน์บอกว่านักบริหารที่ดีต้องใช้คนเป็น
ถ้าไม่เก่งต้องคุยกับคนที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า แล้วเลือกเอาสิ่งที่ดีมาใช้
เราจะมีความรู้มากขึ้นและจะสามารถใช้คนที่เก่งกว่าได้" เจริญกล่าวถึงหลักการพัฒนาตนเองของ
ร.ต.อ. สุรัตน์อย่างชื่นชมและเป็นที่รู้กันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจริญกับ
ร.ต.อ. สุรัตน์นั้นสนิทแนบจนแทบจะเป็นเนื้อเดียว และอาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์อันแนบแน่นนี้เอง
ที่ทำให้ครั้งหนึ่งเจริญได้เข้าเป็นที่ปรึกษาฝ่ายจัดการให้โอสถสภา ในแต่ละปีก็มีโควต้ารับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพด้วย
สอง หนังสือ "วิธีชนะมิตร และจูงใจคน" ของ เดล คาร์นีกี้"
หนังสือเล่มนี้สอนให้ผมรู้จักการสั่งงานที่ดี ทำให้ผมรู้วิธีการที่ทำให้ผู้ใต้บังคับัญชาพอใจเมื่อได้รับมอบหมายงานไปทำ"
เจริญกล่าวเสริม
เจริญไม่หยุดการพัฒนาตนเองเพียงแค่การเรียนรู้จากชีวิตการทำงานเท่านั้น
ปี 2513 เจริญเพิ่มพูนความรู้ให้ตนเองให้เหมาะสมกับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยด้วยการไปเรียนปริญญาเอก
ด้านบริหารการศึกษาที่มหาวิทยาลัย SYRACUSB อีกรั้ง กลับมาคราวนี้เาได้แนวคิดการบริหารงานแบบให้ทุกคนมีส่วนร่วมมาใช้ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ทั้งกับนักศึกษาและผู้ใต้บังคับบัญชา
"…ให้เขามีส่วนร่วมในการทำงาน ให้แสดงความคิดเห็น ให้ความสำคัญ ให้เขามีความสุขในการทำงาน"
เจริญกล่าวถึงหลักการทำงานของเขา ซึ่งอาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้ที่เจริญได้รับเลือกเป็นนายจ้างดีเด่นประจำปี
2530 เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ โดยการเลือกจากสมาคมเลขานุการสตรีแห่งประเทศไทย
กล่าวได้ว่า เจริญเป็นนายจ้างดีเด่นคนแรกที่เป็นนักบริหารด้านการศึกษา
ต่างจากนายจ้างดีเด่นคนก่อน ๆ ที่เป็นนักบริหารในธุรกิจการค้าโดยตรง
"อาจเป็นเพราะใช้เป็นมั้ง คนที่ถูกท่านใช้ต่างพอใจเมื่อถูกใช้ จึงคิดว่าท่านควรได้รับตำแหน่งนี้ถึงได้มีการเสนอชื่อท่าน
และได้รับตำแหน่งในที่สุด" คนใกล้ชิดเจริญให้เหตุผลหนึ่งต่อการที่เจริญได้รับตำแหน่งนายจ้างดีเด่น
ทุกวันนี้เจริญทำงานหนักทั้งในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทนายความประจำสำนักงาน
TILLEKE & GIBBINS ของเดวิด ไลแมน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตยานนาวา
ใคร ๆ ก็ว่า เจริญ คันธวงศ์เก่งในการพัฒนาตนเอง เก่งที่ใช้คนที่เก่งกว่าได้
แต่เจริญที่ว่าเก่งก็ถูกคนที่อาจจะไม่เก่งใช้ได้เหมือนกัน พวกเขาเหล่านั้นคือชาวบ้านเขตยานนาวา
ที่เจริญต้องออกไปเยี่ยมเยียนทุกวันอาทิตย์นั่นเอง