TPIPLไตรมาส 3 ปีนี้ฟันกำไร 269 % ผลจากยอดขายปูนซีเมนต์และเม็ดพลาสติกเติบโตตามเศรษฐกิจ
ทำให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ ก.ล.ต. นับหนึ่งหุ้นเพิ่มทุนอีกครั้งหลังล้มเมื่อต้นปี
โบรกเกอร์แนะซื้อเก็งกำไรที่ราคา 20 บาทปลายๆ
นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด
(มหาชน)(TPIPL) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน
4,838 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.75 เทียบกับจำนวน 4,040 ล้านบาท ในไตรมาส เดียวกันในปี
2545 ที่ผ่านมา
เนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจปูนซีเมนต์ ธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ
และธุรกิจเม็ดพลาสติก ตามการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยมีรายได้รวม 6,591
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.59 เมื่อเทียบกับจำนวน 4,348 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียว
กันในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ไตรมาส 3 ปี 2546 นี้ บริษัทฯและบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิจำนวน 2,345
ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 4.81 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 269.19 เทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน
1,386 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 2.74 บาท ในช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2546 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน
3,806 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 7.77 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 445.37 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน
1,102 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 2.17 บาท ในช่วงเดียว กันของปีที่ผ่านมา
โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2546 บริษัทฯ มีมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นที่ 43.99 บาท
โดยขณะนี้ TPIPL อยู่ในระหว่าง สำนักงาน ก.ล.ต. นับ 1 แบบ แสดงรายการข้อมูลเพื่อการขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป
(PO) ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ในการขายหุ้นเพิ่มทุนรอบใหม่
180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเมื่อปลายปีก่อนที่บริษัทฯเคยขายหุ้นเพิ่ม ทุนที่ราคา
17 บาท แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ซึ่งในครั้งนี้มีการเปลี่ยนที่ปรึกษาทางการเงินจากบล.ซีมิโก้
เป็น บล.ทิสโก้
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อใช้ในการซื้อหนี้คืน
โดยบริษัทได้ชำระคืนหนี้สินระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 3 งวด ณ วันที่ 28 มิ.ย.
2546 วันที่ 27 ธ.ค. 2545 และวันที่ 30 มิ.ย. 2546 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นจำนวนเทียบเท่า
75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่าหน้าตั๋วของมูลหนี้ที่ซื้อคืนในราคาส่วนลด ณ วันที่
30 มิ.ย. 2546 คงเหลือเทียบเท่า 197.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ราคาที่ซื้อคืนจะเทียบเท่า
159.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ให้ความเห็นว่า TPIPL แจ้งผลประกอบการไตรมาส
3/2546 เป็นกำไรสุทธิ 2,345 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 1,386 ล้านบาทในไตรมาส
3/2545 และเติบโต 105.2% QoQ เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น 19.8% YoY และ 4.4% QoQ
ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเติบโต 88% YoY และ 10.4% QoQ และกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
513.8% YoY และ 49.7% QoQ นอกจากนี้ ความสามารถในการทำกำไรยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
โดย Gross profit margin ในไตรมาส 3/2546 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 38.8% เทียบกับ
24.7% ในไตรมาส 3/2545 และ 36.7% ในไตรมาส 2/2546 และ Operating profit margin
ในไตรมาส 3/2546 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.6% เทียบกับ 3.6% ในไตรมาส 3/2545 และ 13%
ในไตรมาส 2/2546
BV ของ TPIPL สิ้นไตรมาส 3/2546 อยู่ที่ 43.99 บาท/หุ้น ซึ่งเป็น BV ที่รวมส่วนเกินทุนจากการตีราคาทรัพย์สิน
30,494 ล้านบาท ซึ่งส่วนเกินทุนดังกล่าวเกิดจากเมื่อเดือน มิ.ย. 2546 TPIPL ให้ผู้ประเมินราคาอิสระจากต่างประเทศทำการประเมินราคาสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท
โดยผลที่ออกมาพบว่า หากไม่รวมส่วนเกิน ทุนจากการตีราคาดังกล่าว ส่วนผู้ถือหุ้นของ
TPIPL จะติดลบและทำให้ BV ติดลบอยู่ที่ประมาณ 18.56 บาท/หุ้น และเนื่องจากในไตรมาส
3/2546 TPIPL มีขาดทุนสะสมลดเหลือ 20,613 ล้านบาท จาก 22,959 ล้านบาทในไตรมาส 2/2546
กอปรกับจำนวนเงินเพิ่มทุนที่ประมาณไม่เกิน US$180 ล้านหรือไม่เกิน 7.2 พันล้านบาท
คิดเป็นจำนวนหุ้นได้ประมาณ 720 ล้านหุ้น ณ ราคาพาร์ที่ 10 บาท เราจึงคาดว่าราคาขายหุ้นเพิ่ม
ทุนที่จะสามารถล้างผลขาดทุนสะสมได้พอดีจะอยู่ ที่ประมาณ 29-30 บาท/หุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด
ที่เมื่อ 7 ต.ค. 2546 อยู่ที่ 26.25 บาท ขณะที่เมื่อ 26 ก.ย. 2546
และจากความคืบหน้าในการแก้ปัญหา TPIPL ที่เริ่มเข้าใกล้บทสรุปในการปรับโครงสร้าง
หนี้มากขึ้น รวมทั้งความสามารถในการทำกำไรที่ดี ขึ้น ดังนั้น เราจึงยังคงแนะนำ"e;ซื้อเก็งกำไร"e;
สำหรับ ราคาหุ้น TPIPL วานนี้ปิดที่ 29.25 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 3 บาท คิดเป็น
11.43% มูลค่าการซื้อขาย 43.50 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ
560.74 จุด เปลี่ยนแปลง16.35 จุด คิดเป็น 3%