แบงก์กรุงไทยเคาะราคาขาย 3 พันล้านหุ้น หุ้นละ 8.50 บาท แบ่งสัดส่วนไทยต่างชาติ
50: 50 เพิ่มสัดส่วนต่างชาติเป็น 18% กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นแบงก์ใหญ่อันดับ 2 ของไทยแห่งนี้ลดเหลือ
60% ยันโรดโชว์ประสบความสำเร็จ รายใหญ่ที่นิวยอร์กจองถึง 78 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ
3.1 พันล้านบาท) ดีมานด์ทั่วโลกมากกว่า 3 เท่า มั่นใจขายหุ้นเกลี้ยงแน่นอน เพราะอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น
ขณะที่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติพอใจราคาขาย KTB ระบุต้นทุนกองทุนฟื้นฟูฯ 5.50-5.60 บาท/หุ้น
ดีบีเอสฯ เชียร์ซื้อ เป้าหมาย 13.10 บาท
ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยวานนี้ (8
ต.ค.) ว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ธนาคารกรุงไทยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นธนาคารในราคาหุ้นละ
8.50 บาท ทั้งหมด 3,000 ล้านหุ้น มูลค่าทั้งหมด 29,325 ล้านบาท
แบ่งโครงสร้างจัดสรรหุ้นเป็น 3 ส่วน คือ ขายให้ผู้จองซื้อรายย่อยผ่านสาขาธนาคาร
500 ล้านหุ้น ขายนักลงทุนสถาบันและบุคคลทั่วไป ลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศรวมกัน
1,008.772 ล้านหุ้น และเสนอขายนักลงทุนต่างประเทศ 1,491.228 ล้านหุ้น ฝรั่งถือเพิ่มเป็น
18%
สัดส่วนการเสนอขายนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศคิดเป็นประมาณ 50:50 โดยจะเปิดให้ผู้ลงทุนในประเทศจองซื้อ
9-10 ต.ค. ที่ธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ หลังขายหุ้นครั้งนี้ สัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างประเทศจะเพิ่มเป็น
18% จากปัจจุบัน 3% สัดส่วนถือหุ้นกองทุนฟื้นฟูฯ จะเหลือประมาณ 60% จากปัจจุบันประมาณ
90%
การเสนอขายหุ้นครั้งนี้เป็นการขายหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน มูลค่าสูงสุดในเอเชียในปีนี้
และมีมูลค่าสูงที่สุดในไทยนับจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
ต่างชาติสนกว่า 3 เท่า
ร.ท.สุชายกล่าวว่า จากการไปโรดโชว์ที่ต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติสนใจหุ้นธนาคารกรุงไทยกันมาก
เช่น ที่นครนิวยอร์ก นักลงทุนสถาบันรายหนึ่ง สนใจจองหุ้นธนาคารถึง 78 ล้านดอลลาร์
ความต้องการซื้อหุ้นนักลงทุนจากต่างประเทศมากกว่า 3 เท่า ซึ่งเชื่อว่าการขายหุ้นครั้งนี้จะหมดอย่างแน่นอน
"ผมเชื่อว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่หุ้นกรุงไทยจะขายไม่หมด เพราะภาวะเศรษฐกิจของประเทศเราในปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลก็ได้ผลดี เศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศก็ดีขึ้น และนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศก็เชื่อมั่นในเศรษฐกิจว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน"
ร.ท.สุชาย กล่าว
ผู้จองซื้อรายย่อย จองซื้อหุ้นขั้นต่ำ 2,000 หุ้น ต้องเป็นจำนวนทวีคูณของ 1,000
หุ้น แต่ต้องไม่เกิน 500,000 หุ้นต่อ 1 ใบจอง ผู้จองสามารถยื่นใบจองได้มากกว่า
1 ใบจอง แต่ยื่นได้ครั้งละ 1 ใบเท่านั้น
หากหลังปิดรับจอง ผู้จองเกินจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจอง จะจัดสรรหุ้นให้ผู้จองซื้อรายย่อยด้วยวิธีสุ่มเลือกจองหุ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์
ส่วนกรณีจำหน่ายไม่หมด กองทุนฟื้นฟูฯ จะรับซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดเอง นอกจาก
3 พันล้านหุ้นดังกล่าว กองทุนฟื้นฟูฯ ยังให้สิทธิจัดสรรหุ้นอีกไม่เกิน 450 ล้านหุ้น
แก่บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ริล ลินช์ ภัทร ในฐานะผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินและ Stabilizing
Agent เพื่อใช้รักษาระดับราคาหุ้นให้มีเสถียรภาพในตลาดรอง
โดย 350 ล้านหุ้นจะจัดสรรให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ อีก 100 ล้านหุ้น
สำหรับนักลงทุนรายย่อยในประเทศ หากจองซื้อเกินจากสัดส่วนที่กำหนด ทั้งนี้จะประกาศรายชื่อผู้จองซื้อรายย่อยที่ได้รับจัดสรรตั้งแต่เวลา
12.00 น. 13 ต.ค. ผู้ไม่ได้รับจัดสรรหุ้นธนาคารจะคืนเงินให้ภายใน 14 วัน หลังปิดจองซื้อหุ้น
15 ต.ค.
อุ๋ยพอใจราคาขาย KTB
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการกำหนดราคาขาย
หุ้นพีโอธนาคารกรุงไทยว่า การกำหนดราคาหุ้น 8.50 บาท เป็นระดับที่น่าดีใจ เพราะต้นทุนกองทุน
ฟื้นฟูฯ อยู่ที่ 5.50-5.60 บาทต่อหุ้น
หากประเมินเบื้องต้นจากหุ้นที่นำออกขาย 3,000 ล้านหุ้น ต้นทุน 5.50-5.60 บาท
จะกำไรจากการขายครั้งนี้ประมาณ 8.7-9 พันล้านบาท
ดีบีเอสฯ เชียร์ซื้อหุ้น KTB เป้าหมาย 13.10
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประมาณการผลดำเนินงานสิ้นปีนี้ KTB กำไรสุทธิ
6.96 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 62 สตางค์ เพิ่มขึ้น 71% ปี 2547 คาดว่าจะกำไรสุทธิ
11.92 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.07 บาท จากราคาพาร์ 5.15 บาท ตามการขยายตัวสินเชื่อระดับสูงของธนาคาร
มูลค่าหุ้นทางบัญชีเพิ่มจาก 6.18 บาทปีนี้ เป็น 6.88 บาทปี 2547 ปัจจุบัน KTB
จ่ายเงินปันผลได้แห่งที่ 2 ของแบงก์ในไทยทั้งหมด โดยปี 2545 ธนาคารจ่ายปันผล 26
สตางค์ต่อหุ้น
ปีนี้ธนาคารเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นจ่ายปันผล 60% ของกำไรสุทธิ ซึ่งประเมินว่าธนาคาร
จะจ่ายปันผล 37 สตางค์ต่อหุ้น คิดเป็น Dividend yield 4.2% แนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย
13.10 บาท