ยุทธการหาเสียงโดยการใช้โปสเตอร์นั้นพรรคแรกที่โดดจองพื้นที่ในกรุงเทพฯ
ก่อนใครอื่นคือพรรคกิจสังคมของเจ้าสัวบุชู โรจนเสถียร โดยเริ่มปิดป้าย 22 จุดทั่วกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมาด้วยโปสเตอร์ขนาด 2.5 เมตร x 7.5 เมตรเป็นรูปฝูงผึ้งบินเข้ารัง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพรรค พร้อมกับสโลแกน “เราทำเป็น เราอาสา เรากล้าทำ” เพื่อเป็นการแนะนำตัวให้ประชาชนรู้จักในฐานะพรรคที่เกิดใหม่พรรคหนึ่ง
ส่วนสนามแข่งขันในต่างจังหวัดนั้นมีรายงานข่าวยืนยันมาว่าในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่มีการยุบสภาพฯ นั้น ที่จังหวัดระนองได้มีการติดโปสเตอร์ของยงยุทธ นพเกตุ อดีต ส.ส. สองสมัยของระนอง พร้อมกับสโลแกน “คนเก่า ใจซื่อ มือถึง พึ่งได้” ทั้งๆ ที่ยงยุทธในขณะนั้นยังไม่รู้ว่าจะลงสมัครในพรรคใดดี
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์สิงห์เก่าเจ้าสนามนั้น แม้ว่าในครั้งนี้จะไม่ได้ลงสนามแข่งขันคิดโปสเตอร์เป็นพรรคแรกก็จริง แต่ในด้านความพร้อมเพรียงกันแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ทิ้งลายเสือเก่าไปเท่าไหร่ เพราะหลังจากสมาชิกเกือบทั้งหมดของพรรคไปจับหมายเลขสมัครลงรับการเลือกตั้งในตอนเช้าตรู่แล้ว โรงพิมพ์ทุกแห่งที่รับพิมพ์งานของประชาธิปัตย์ก็ทำการเร่งพิมพ์โปสเตอร์ติดไม้อัดกันออกมา
และในเย็นวันเดียวกัน ป้ายโปสเตอร์ของพรรคประชาธิปัตย์ก็เข้าทำการยึดพื้นที่ทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัดโดยพร้อมเพรียงกัน ในขณะที่พรรคอื่นๆ มีป้ายโปสเตอร์มาติดในบางท้องที่เท่านั้น
สนามแข่งขันที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่งก็คือย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งแต่ละพรรคก็ส่งดาราดังของพรรคหลายคนลงสนาม
เช่น พล.อ. หาญ ลีนานนท์ จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรทิพา วัชโรบล ซึ่งย้ายมาสังกัดพรรคกิจสังคม
หรือ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าพรรคมวลชน
จากการสังเกตการณ์พอสรุปได้ว่าแชมป์ปกป้ายที่มาแรงในย่านฝั่งธนบุรีนั้นเป็นป้ายของพรคประชาธิปัตย์นำมาสูสีกับป้ายพรคมวลชน
ยิ่งในบางท้องที่แล้วพรรคมวลชนปูพรมถี่กว่าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ ที่เป็นเช่นนี้นักสังเกตการณ์ทั้งหลายวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะพรรคมวลชนนั้นตั้งความหวังว่าจะได้รับเลือกจากคนฝั่งธนบุรีไว้สูงมาก
จึงทุ่มโฆษณาหาเสียงมากตามไปด้วย
มีข้อที่น่าสังเกตประการหนึ่งในสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ คือจะพบว่าป้ายของทุกพรรคจะเล่นเพียงแค่สองสีเท่านั้น
ทั้งๆ ที่ “ผู้จัดการ” ได้รับการยืนยันมาจากเจ้าของโรงพิมพ์หลายแห่งว่า
มีการสั่งพิมพ์โปสเตอร์รูปสี่สีมากที่สุด และคาดว่าการหาเสียงครั้งนี้จะเล่นโปสเตอร์สี่สียืนพื้น
นักสังเกตการณ์ทั้งหลายได้วิเคราะห์กันว่าในช่วงแรกๆ นี้แต่ละพรรคอาจจะลองเชิงดูคู่แข่งกันก่อน
และแนวโน้มการหาเสียงในปีนี้ประชาชนในกรุงเทพฯ จะมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้สมัครที่ทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่ม
นอกจากป้ายหาเสียงสองสีจะทำให้กรุงเทพฯ แลดูจืดจางลงไปแล้ว กฎข้อห้ามของ
กทม. ที่มิให้ปิดประกาศหาเสียงตามป้ายรถเมล์ กำแพง ฯลฯ ยังทำให้บรรยากาศดูกร่อยลงไปด้วย
และจะสังเกตเห็นว่าในตอนนี้ป้ายส่วนใหญ่ก็มีขนาดไม่ค่อยใหญ่มากนัก
ที่เดือดร้อนก็เห็นจะเป็นชาวบ้านที่มีฐานะยากจน ยิ่งตอนนี้หน้าฝนด้วยเดิมทีเล็งเอาว่าเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าได้ป้ายอันใหญ่แบบของมงคล สิมะโรจน์เมื่อครั้งที่เลือกตั้ง กทม. สัก 2 อันก็จะเอาไว้ซ่อมบ้านกันฝนได้บ้าง
แต่ผิดคาดเพราะป้ายหาเสียงนี้มีแต่ขนาดเล็กๆ ทั้งนั้น คงจะเสียเวลาตระเวนงัดกันหลายป้ายกว่าจะได้มาสักฝาบ้านหนึ่ง