Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2529
บนเส้นทางที่ไร้คู่แข่งของพลเอกเปรม             
 


   
search resources

เปรม ติณสูลานนท์




นอกจากความสนใจว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะมีผู้สมัครชนะการเลือกตั้งเข้าสู่สภาเป็นจำนวนมากหรือน้อยเท่าไรแล้ว

ดูเสมือนว่าความสนใจเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของรัฐบาลใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง ตลอดจนตัวบุคคลที่จะได้รับการโหวตให้เข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ก็เป็นจุดสนใจอีกจุดหนึ่งที่คนวิจารณ์กันเซ็งแซ่ ภายหลังการยุบสภาเพียงไม่กี่วันนั้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์พุ่งตรงไปที่ศักยภาพของศูนย์อำนาจสองศูนย์ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีรักษาการ-พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ศูนย์หนึ่ง และอีกศูนย์หนึ่งก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น

ทั้งสองศูนย์นี้ผู้สังเกตการณ์การเมืองระบุว่ามีศักยภาพแห่งดุลกำลังก้ำกึ่งกันมาก หลังจากผลัดกันรุกและรับมาเป็นระยะ…ระยะ…โดยที่ก่อนหน้าการประกาศยุบสภาดูกำลังด้านพลเอกเปรม ดูจะเป็นฝ่ายรุกได้ถนัดถนี่ขึ้นเมื่อกล้าตัดสินใจไม่ต่ออายุราชการให้พลเอกอาทิตย์ แต่กลับถูกรุกโต้ตอบจนกลายเป็นก้ำกึ่งเมื่อพระราชกำหนดของรัฐบาลถูกคว่ำ อันมีผลให้พลเอกเปรมจำเป็นต้องถอยมาตั้งหลักใหม่ด้วยการประกาศยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 90 วัน

ช่วงนั้นไม่มีใครกล้ายืนยันแล้วว่าการเมืองไทยในอนาคตจะออกหัวหรือออกก้อย พลเอกเปรมจะสามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้หรือไม่ และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกสำหรับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่เคยคิดกันว่า “ไม่มีเป็นอื่น” ก็อยู่ในสภาพที่ “ไม่มีอะไรแน่นอน” อย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้หากพิจารณาทางด้านพรรคการเมือง พลเอกเปรมก็มีความหวังที่มั่นคงอยู่เพียงพรรคประชาธิปัตย์ พรรคกิจสังคมนั้นเล่าก็กำลังระส่ำระสาย มีโอกาสกลายเป็นพรรคเล็กค่อนข้างมาก เปรียบเทียบกับพรรคสหประชาธิปไตยภายใต้การนำของพรรคนายบุญเท่ง-พันเอกพล-ตามใจ ขำภโต กับพรรคมวลชนที่ประกาศหนุนพลเอกอาทิตย์อย่างออกนอกหน้าแล้ว ก็อยู่ในสภาพที่จะพูดว่าพลเอกเปรมเป็นฝ่ายได้เปรียบไม่ได้เด็ดขาด

โดยเกมแล้วลักษณะชี้ขาดก็น่าจะอยู่ที่การกำหนดจุดยืนของพรรคการเมือง ที่วางตัวเป็นกลางต่อศูนย์อำนาจทั้งสองศูนย์อย่างเช่นพรรคชาติไทยและพรรคราษฎรของพลเอกเทียนชัยและพลเอกมานะ เป็นต้นเท่านั้น

ภายหลังการยุบสภาไม่นานนัก ความพยายามที่ต่างฝ่ายต่างจะดึงพรรคใหญ่สองพรรคนี้เข้าร่วมสังฆกรรมด้วยจึงกระทำกันอย่างเข้มข้นและล้ำลึก

และค่อนข้างจะเห็นชัดว่าฝ่ายคัดค้านพลเอกเปรมนั้นได้เปรียบระดับหนึ่ง โดยเฉพาะท่าทีของพรรคชาติไทยที่ผ่านทางพลตรีประมาณหัวหน้าพรรคที่ไม่กินเส้นเอามากๆ กับท่านนายกรัฐมนตรีรักษาการ มิไยที่พลตรีชาติชายและบรรหาร ศิลปอาชา จะพยายามประสานอย่างไรก็ไม่เป็นผล

กล่าวสำหรับพลเอกเปรมแล้ว การรักษาอำนาจให้ดำรงอยู่ต่อไปในภายภาคหน้า (โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้ง) นั้น ก็มีสิ่งที่จะต้องกระทำอย่างเร่งด่วนอย่างน้อย 2 ประการด้วยกันก็คือ

ประการแรก สลายศูนย์การนำของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เพื่อทำให้กองทัพอยู่ในเงื่อนไขที่พร้อมจะหนุนพลเอกเปรมต่อไปและยังเท่ากับเป็นการโดดเดี่ยวพรรคการเมืองบางพรรคอย่างเช่น พรรคสหประชาธิปไตยและพรรคมวลชน ที่อาศัยบารมีพลเอกอาทิตย์ไปด้วยในตัว

ประการที่สอง แยกสลายบทบาทการนำของพลตรีประมาณในพรรคชาติไทย เพื่อเสริมความมั่นคงให้พรรคร่วมรัฐบาลที่จะมีพลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้ง

ซึ่งถ้าจะว่าไปก็ต้องถือว่าเป็นงานใหญ่มาก สำเร็จหรือไม่สำเร็จอาจบางทีต้องขอให้ “ฟ้าช่วยบันดาล” ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประการแรก

แล้ว “ฟ้า” ก็บันดาลยืนข้างพลเอกเปรมจริงๆ

จากความพร้อมตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม และผ่านการตระเตรียมกำลังเพื่อควบคุมสถานการณ์อีกสามวัน เช้าวันอังคารที่ 27 พฤษภาคมวิทยุแห่งประเทศไทยก็ออกประกาศข้อความสั้นๆ… ปลดพลเอกอาทิตย์จากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก พร้อมกับแต่งตั้งพลเอกชวลิตเข้ารับตำแหน่งแทน

ดุลกำลังทางฝ่ายพลเอกเปรมก็พุ่งขึ้นสูงพรวด

ส่วนดุลกำลังฝ่ายพลเอกอาทิตย์ต้องตกอยู่ในสภาพฝ่ายรับอีกครั้ง

ผู้สมัครหลายคนที่เตรียมจะลงเลือกตั้งในนามพรรคสหประชาธิปไตยต่างก็ถอนตัวไปลงพรรคอื่นกันจ้าละหวั่น ซึ่งก็รวมทั้งกลุ่มปรีดา พัฒนถาบุตร กับ พันเอกณรงค์ กิตติขจร ที่แยกไปตั้งเป็นพรรคเสรีนิยมด้วยอีกกลุ่ม

มันเป็นสถานการณ์ที่พลิกชั่วข้ามคืน แม้จะมีข่าวระแคะระคายกันมาบ้างก่อนหน้านั้น แต่ก็อาจจะเป็นเพราะบ้านเราเมืองเรานั้นเต็มไปด้วยข่าวลือ หลายคนก็เลยคิดว่า ข่าวนี้ก็คงจะเป็นเพียงข่าวลืออีกชิ้นหนึ่งซึ่งปราศจากข้อเท็จจริงทั้งสิ้น

หลังจากสถานการณ์ผ่านไปได้อีกช่วง

การเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบเชียบก็เกิดขึ้นกับพรรคชาติไทย

พลตรีประมาณหลุดจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และผู้ที่ก้าวขึ้นมาแทนคือพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ

เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดที่ “ฝนตกเมฆไม่ตั้งเค้า”

แต่ผลก็คือฐานทางด้านการเมืองฝ่ายพลเอกเปรมแน่นขึ้นอย่างไร้ผู้ต่อต้าน

“ผู้จัดการ” จึงขออนุญาตเขียนแปะติดข้างฝาไว้เดี๋ยวนี้เลยว่า ภายหลังการเลือกตั้งนั้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องได้แก่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เท่านั้น

ส่วนพรรคการเมืองที่จะได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างน้อยก็มีตัวยืนอยู่ 3 พรรคคือ ประชาธิปัตย์ ชาติไทย และกิจสังคม

ฝ่ายค้านก็จะมีพรรคสหประชาธิปไตย พรรคมวลชน ชาติประชาธิปไตย

และที่ค่อนข้างจะวางตัวเป็นกลางอย่างเช่น พรรคกิจประชาคม ราษฎร และพรรคเล็กๆ ที่เหลือซึ่งล้วนมิใช่ตัวแปรที่สำคัญ

สิ่งที่ยังเป็นปัญหาสำหรับพลเอกเปรมในตอนนี้ก็เห็นจะอยู่ที่การตระเตรียมฟอร์มรัฐบาลซึ่งคาดว่ากว่าจะลงตัวได้นั้นจะต้องทุลักทุเลเอามากๆ

และก็คงจะเป็นรัฐบาลที่อย่าไปตั้งความหวังไว้มากมายนัก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us