Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์22 มีนาคม 2553
'สกาแคร์' บุกประชิด สร้างลอยัลตี้ตลาดภูธร             
 


   
search resources

สุธีร์ รัตนนาคินทร์
Personal cares
ฟาร์มาคอสเม็ท, บมจ.




สกาแคร์วางยุทธ์ศาสตร์ 4P นำร่องด้วย Promotion ใหญ่ในรอบ 20 ปี แจกทองกว่า 2 ล้านบาท กระตุ้นการซื้อซ้ำและสร้างแบรนด์ลอยัลตี้กับสาวภูธร พร้อมส่ง 'ซองซาเช่' ขนาด 8กรัม เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ คาดสร้างยอดขาย 6-7 ล้านซอง หลังสำรวจพบเป็นขนาดที่ตัดสินใจซื้อไปทดลองใช้ง่ายสุด นอกจากเป้าหมายการเติบโตให้เป็นตัวเลข 2 หลักต่อเนื่องทุกปีแล้ว การขยับของสกาแคร์ในครั้งนี้ ยังอยู่ที่การปูฐานให้แข็งแกร่งทั้งตัวลูกค้าและยอดขาย ก่อนปรับไลน์โปรดักส์และรีโพซิชันนิ่งแบรนด์ครั้งใหญ่บุกตลาดกรุงเทพฯในปี หน้า เพื่ออัปอิมเมจสู่รีจีนัลแบรนด์อย่างเต็มตัว

หลังจากที่สกาแคร์ทำการรีเฟรชแบรนด์ในรอบ 19 ปี ด้วยการสลัดภาพจาก 'เวชสำอาง' มาสู่ 'คอสเมติก' อย่างเป็นทางการ โดยนำร่องตัว 'เพอร์เฟค' 1 ในSub Brand ของสกาแคร์ออกมาบุกเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุด สกาแคร์ ก็ลุกขึ้นมาสร้างสีสันให้กับตลาดอีกครั้ง ที่คราวนี้พร้อมสรรพไปด้วยยุทธศาสตร์ 4P โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความแกร่งสร้างลอยัลตี้กับลูกค้าในตลาดภูธร ที่ตอนนี้มีสัดส่วนยอดขายกว่า 50% จากยอดขาย พร้อมสร้างการเติบโตให้เป็นตัวเลข 2 หลักต่อเนื่องทุกปีให้ได้ ภายใน3 ปีนับจากนี้ ก่อนจะทำการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งใหญ่ในปีหน้า เพื่อเจาะลูกค้าในกรุงเทพฯ

'เป้าหมายหลักของเราในปีนี้ คือ การสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในกลุ่มลูกค้าเก่า ซึ่งเป็นกลุ่มต่างจังหวัด และที่สำคัญ นับจากนี้ไม่เกิน 3 ปี ยอดขายของสกาแคร์จะต้องมีการเติบโตมากกว่า 10% ต่อเนื่องทุกปี โดยปีที่ผ่านสกาแคร์มีการขยายตัว 9% สุธีร์ รัตนนาคินทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฟาร์มาคอสเม็ท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกาแคร์ กล่าวกับ ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์

ล่าสุด สกาแคร์วางหมากตัวแรก ด้วยการลอนช์แคมเปญ 'ปรากฏการณ์ ผิวสวย รวยทอง กับสกาแคร์' แจกทองรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยใช้งบมากถึง 70 ล้านบาท จากงบรวมทั้งปี 120 ล้านบาท แม้จะเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งอินเตอร์แบรนด์ที่ใช้งบการ ตลาดแต่ละปีเฉียดพันล้าน ทว่า นี่ถือแคมเปญใหญ่สุดในรอบ 20 ปีของสกาแคร์ เพราะที่ผ่านมาผู้เล่นรายนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เป็นหลัก ส่วนการจัดโปรโมชั่นก็ทำแบบเงียบๆ ณ จุดขายเท่านั้น จึงไม่แปลกที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคบ้านเราจะไม่ค่อยเห็นความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้มากนัก แต่ด้วยการกำหนดราคาสินค้าที่ถูกกว่าคู่แข่ง เช่น กลุ่มโฟมล้างหน้าที่มีราคาตั้งแต่ 20-65 บาท ขณะที่คู่แข่งอย่างพอนด์ส เริ่มที่ 20-105 บาท หรือ บิโอเร ที่มีราคา 45-105 บาท ทำให้แบรนด์นี้เข้าไปอยู่ในใจสาวภูธรได้ไม่ยาก แม้ยอดขายของสกาแคร์จะเป็นต่างจังหวัด 50% ซึ่งดูเท่ากับยอดขายจากกลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯ แต่เมื่อเจาะรายละเอียดเชิงลึกจะเห็นว่ายอดขายในกลุ่มกรุงเทพฯส่วนใหญ่จะ เป็นพื้นที่รอบนอก ปริมณฑล ทำให้ผิดที่จะบอกว่า สกาแคร์แข็งแกร่งในตลาดต่างจังหวัดมากสุด

ฉะนั้น เป้าหมายของแคมเปญที่จัดขึ้น 4 เดือนนี้ นอกจากต้องสร้างยอดขายให้ได้ 250 ล้านบาทตามที่กำหนดไว้แล้ว ผู้บริหารของสกาแคร์ ยังบอกว่า แคมเปญนี้เราต้องการให้เกิดการรับรู้แบรนด์ในวงกว้างอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มคนในต่างจังหวัดที่ถือเป็นฐานลูกค้าหลักของแบรนด์ เพื่อให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์แบบยั่งยืน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมสวิชแบรนด์ ได้ง่าย โช่น กลุ่มโฟมล้างหน้า ที่ตอนนี้ พบว่า คนไทย 1 คนมีการเลือกใช้โฟมเกิน 1 แบรนด์ และสูงสุดถึง 4 แบรนด์ ซึ่งขึ้นกับกำลังซื้อของผู้บริโภค

แม้ว่ากลุ่มเป้าหมายของสกาแคร์จะเป็นกลุ่มอายุ 18-45 ปี ระดับบีลงมา ที่จะซื้อสินค้าดูแลผิวไม่เกิน 200-300 บาทต่อครั้งก็ตาม ซึ่งจัดเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมสวิชแบรนด์ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มลูก ค้าไฮเอนด์ แต่จากความไม่ต่อเนื่องในการทำตลาดของแบรนด์นี้ ทำให้สกาแคร์จึงต้องเร่งปิดจุดอ่อนของตนเอง ก่อนจะเสียลูกค้ากลุ่มต่างจังหวัดที่เป็นฐานสำคัญให้กับคู่แข่ง

กลับมาที่แคมเปญล่าสุด แม้โดยภาพรวมจะสามารถเข้าถึงและสร้างแรงดึงดูดให้กับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทว่า เมื่อมองไปที่รูปแบบการร่วมลุ้นรางวัลในครั้งนี้ จะเห็นว่า เป็นการออกแบบมาเพื่อกลุ่มลุกค้าในต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยดูจากวิธีการร่วมลุ้นโชค ที่สกาแคร์เลือกใช้ทั้ง 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.การตัดโลโก้ของผลิตภัณฑ์ พร้อมลอกสติ๊กเกอร์ที่มีมูลค่า 50 บาทขึ้นไป ติดลงในไปรษณียบัตรแล้วส่งมาตามที่อยู่ 2.การจัดพนักงานรับ ณ จุดขายโดยตรง 3.การจัดกล่องรับชิ้นส่วนตามช่องทางจำหน่าย เช่น โชห่วย ห้างสรรพสินค้า จะเห็นว่า เป็นรูปแบบที่ไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนเมืองโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ที่มีพฤติกรรมชอบความสะดวกรวดเร็ว และนิยมใช้เทคโนโลยีมากกว่า เช่น การส่ง SMS อินเตอร์เน็ต ก็ตาม แต่ สุธีร์ อธิบายว่า กลุ่มคนต่างจังหวัดส่วนใหญ่ไม่นิยมรูปแบบการส่งSMS เพราะดูน่าเชื่อถือน้อยกว่าการจับฉลากชิ้นส่วนผ่านรายการ ซึ่งแน่นอนว่า การปรับภาพลักษณ์เพื่อบุกตลาดกรุงเทพฯในปีหน้า รูปแบบแคมเปญเราก็จะดีไซน์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายด้วย

นอกจากนี้ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างจังหวัดที่ยังไม่เคยใช้แบรนด์สกาแคร์มาก่อน ค่ายฟาร์มาคอสเม็ท จึงปล่อยสินค้าแบบ 'ซาเช่' (ซอง) ออกมาสร้างการตัดสินใจซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้ โดยเลือกลอนช์สกาแคร์ ทรีตเมนต์ ออกมาในเดือนพฤษภาคมนี้ นับเป็นสินค้ากลุ่มที่ 2 ต่อจากตัวสกาแคร์ มอยเจอร์ไรเซอร์ ที่ค่ายนี้เคยลอนช์ออกมาทดลองเป็นตัวแรกเมื่อปีก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะทำยอดขายได้ราว 6-7 ล้านซอง หลังจากที่ปีก่อนมียอดขายกว่า 2.7 ล้านซอง จากตลาดรวมสินค้าดูแลผิวแบบซาเช่ที่คาดว่ามีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

'สินค้าแบบซองเราลอนช์มาเพื่อจับลูกค้ากลุ่มต่างจังหวัด โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยใช้แบรนด์เรามาก่อน ซึ่งทำให้เกิดการซื้อไปลองใช้ได้ง่าย เพราะราคาไม่แพง โดยลูกค้ามองว่าซาเช่ไม่ควรเกิน10-15 บาท ดังนั้นเราจึงออกตัวสกาแคร์ มอยเจอร์ แบบซองขนาด 8 กรัม ราคา 10 บาท ส่วนตัวทรีตเมนต์ก็คาดว่าจะไม่เกิน 15 บาท'

อันที่จริง รูปแบบซาเช่ เป็นขนาดสินค้าที่มีอยู่ในตลาดเพอซันนัลแคร์บ้านเรามานานกว่า 20 ปี โดยเข้ามาอยู่ในกลุ่มสกินแคร์ราว 10 ปี และได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่า สินค้าขนาดดังกล่าว สุธีร์ บอกว่า ไม่ใช่กลุ่มที่สร้างกำไร แต่ผู้เล่นทุกรายต้องทำ เพื่อกระตุ้นการซื้อใช้เพื่อให้เกิดการยอมรับต่อแบรนด์ และพัฒนาไปสู่การซื้อสินค้าไซด์ใหญ่ต่อไป

และนี่คือ การขยับในก้าวที่ 2 ของสกาแคร์ที่ครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในฐานเดิม และปิดยอดขายทั้งปีที่ 400 ล้านบาท โตจากปีก่อน 10-12% ก่อนจะรุกคืบไปสร้างฐานใหม่ในปีหน้า เพื่ออัปสู่รีจีนัลแบรนด์แบบเต็มตัว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us