Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน23 มีนาคม 2553
ฝรั่งซื้อต่อ วอลุ่มทะลักรอบ5เดือน             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (22มี.ค.) ปิดที่ระดับ 772.25 จุด ลดลง 2.34 จุด หรือ -0.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42,076.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เตือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้าดัชนีขึ้นสวนตลาดภูมิภาค จากความมั่นใจสถานการณ์การเมืองเริ่มเห็นทางออก หลังจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านแสดงท่าทีตอบรับแนวทางการเจรจา จนปรับเพิ่มขึ้นถึง 12.12 จุด แต่ช่วงบ่ายมีแรงเทขายจากความกังวลถึงการเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งของกลุ่ม เสื้อแดงในวันที่ 27 มี.ค. ทำให้ดัชนีลดลงมาปิดลบตามภูมิภาค ทั้งนี้ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 787.27 จุด และต่ำสุดที่ 769.00 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย PTTAR ปิดที่28.00 บาท บวก 1.00 บาท TCAP อยู่ที่ 25.50 บาท บวก 0.70 บาท PTT อยู่ที่ 249.00 บาท ลบ 2.00 บาท SCB อยู่ที่ 92.00 บาท ลบ 1.00 บาท และ KBANK อยู่ที่ 97.50 บาท บวก 1.50 บาท

ส่วนการซื้อขายแยกเป็นกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอีก 2,2777.38 ล้านบาท ขณะที่สถาบัน บัญชีบล. และนักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 1,003.20 ล้านบาท , 307.32 ล้านบาท และ 966.86 ล้านบาท ตามลำดับ

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงนั้น อาจทำให้ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับฐานลดลงบ้าง ซึ่งทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยนั้นยังอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศและ ปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ส่วนการที่นักลงทุนต่างประเทศจะยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องหรือไม่ นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบข้างและทิศทางหุ้นต่างประเทศประกอบกัน

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ทางการเมืองนั้นทุกคนอยากให้มีการยุติการชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยซึ่งจะทำให้นักลงทุนรวมทั้งนักธุรกิจกลับมามี ความมั่นใจ และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยหากรัฐบาลและ ทางกลุ่มเสื้อแดงมีการเจรจากันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายได้ก็เป็นเรื่องที่ ดี แต่การเจรจากันได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน และเป็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งหากเหตุการณ์กลับมาเรียบร้อยเป็นปกติ ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น

“การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น อาจจะมีการปรับฐานบ้าง ซึ่งตลาดหุ้นไทยอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศจะมีการซื้อสุทธิต่อหรือไม่นั้น ต้องดูปัจจัยรอบข้าง ส่วนหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน เศรษฐกิจ และกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน” นางภัทรียา กล่าว

**"จรัมพร"ลุ้นนั่งเอ็มดีช่วงโค้งสุดท้าย**

ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามในเรื่องผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่หลังจาก นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีกล่าวว่านายจรัมพร โชติกเสถียร ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการคนใหม่ นางภัทรียา กล่าวว่า ขณะนี้ในเรื่องการแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่นั้น ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการที่คณะกรรมการสรรหาฯจะต้องมีการทำงานต่อให้ครบถ้วน และหากมีการดำเนินการตามกระบวนการเสร็จจะมีการแถลงข่าวแต่งตั้งต่อไป โดยจะแต่งตั้งได้ทันในวันที่ 1 มิถุนายนนี้

ขณะเดียวกัน วานนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเปิดโครงการ SET Junior Financial Club 2010" หรือ SET JFC 2010 ภายใต้แนวคิดแนวคิด "Fly Smart to?your Future: ติดปีกความรู้ด้านการออมอย่างชาญฉลาด สู่เป้าหมายในอนาคต ซึ่งจะเปิดรับสมัตรนักเรียนมัธยมศึกษาตนต้นและตอนปลายจำ 4 ภาค 4 จังหวัด รวม 4 รุ่น รุ่นละ 100 คน เพื่อเข้าอบรมเรื่องการออกมการวางแผนชีวิตและการเงินในช่วงเดือนเดือนเมษายน ถึง เดือนพฤษภาคม จำนวน 400 คน

***เตือนระวังแรงเทขายต่างชาติ

นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวานนี้(22มี.ค.) ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากในช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูงมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ที่ส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป เป็นผลจากปัจจัยกดดันการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกว่ามีการฟื้นตัวจริงหรือไม่

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังคงผันผวนเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยการเมืองที่ยังทรงๆ และสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นไทย ซึ่งยังไม่มีประเด็นอะไรใหม่ แต่เรื่องที่น่ากังวลคือปัจจัยจากต่างประเทศทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุน ต่างชาติต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ และกังวล เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ก่อนหน้านี้เข้าซื้อในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อ เนื่อง หากยังซื้อต่อก็จะสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนได้บ้าง แต่ก็ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ เช่นกัน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยต้องรอดูตลาดหุ้นสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาคืนที่ผ่านมา และความวิตกกังวลเรื่องกรีซจะมีปัจจัยใดเพิ่มเติมหรือไม่ แต่มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่องจากวันนี้ โดยให้กรอบลงทุนแนวรับที่ 760 จุด แนวต้าน 780 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us