|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการนำบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน))(SPRC)เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ขณะนี้บริษัทฯกับบริษัท เชฟรอน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของSPRCได้มีการเตรียมการแก้ไขสัญญาต่างๆที่ทำไว้กับ หน่วยงานรัฐและเอกชน อาทิ การรับผลิตภัณฑ์น้ำมันจากSPRC ของผู้ถือหุ้นเป็นต้น โดยจะนำสัดส่วนหุ้นบริษัทฯ 30%เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯตามเงื่อนไขสัญญาที่บริษัทฯได้ทำไว้กับ หน่วยงานรัฐ เชื่อว่าหากไม่ติดปัญหาใดๆจะเข้าตลาดหุ้นได้ทันในปีนี้
การนำบริษัท SPRC เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนี้จะไม่มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพิ่มเติม แต่จะนำหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมออกขายให้กับประชาชนทั่วไปสัดส่วน 30% ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของSPRC หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ เชฟรอนฯถือหุ้นจากเดิม 64%เป็น 45% ปตท.จากเดิม 36% ลดลงเหลือ 25% โดยปตท.ไม่มีนโยบายที่จะซื้อหุ้นจากสตาร์ปิโตรเลียมฯเพิ่มขึ้นด้วย
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าแผนการควบรวมกิจการบริษัทในเครือปตท. 4 บริษัทอาทิ บริษัทไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแผนการควบรวมกิจการอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพ.ค.นี้เนื่องจากปัญหามาบตาพุดมีความชัดเจน ขึ้นมาระดับหนึ่ง ทำให้สามารถประเมินผลกระทบได้ แต่ยืนยันว่าการควบรวมกิจการนี้ทุกฝ่ายจะต้องได้ประโยชน์
นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้นการควบรวมกิจการนี้จะทยอยทำเป็นเฟส โดยเบื้องต้นจะควบรวมกิจการ 2 บริษัทก่อน หากผลการศึกษาทุกอย่างแล้วเสร็จในไตรมาส 2 นี้เชื่อว่าปีนี้จะเห็นการควบรวมกิจการของบริษัทในเครือปตท.ได้ โดยยอมรับว่าปัญหามาบตาพุดมีความชัดเจนขึ้นมาก เนื่องจากมีบางบริษัทในเครือฯต้องระงับกิจการภายใต้คำสั่งศาลฯ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) ประเมินว่าทุกอย่างจะจบได้ภายใน 10เดือน
ส่วนการนำบริษัท SPRC เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันให้ ได้ตามมาตรฐานยุโรป(ยูโร 4) ลงทุนประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรัฐกำหนดบังคับใชัน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 ในต้นปี 2555 นอกจากนี้ยังได้ศึกษาว่าบริษัทฯมีทิศทางการเติบโตอย่างไร เบื้องต้นจุดเด่นของโรงกลั่นสตาร์ฯเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่นๆพบว่าเป็นโรง กลั่นที่มีกำลังการกลั่น 1.45 แสนบาร์เรล/วัน ได้น้ำมันเบนซินมาก และมีความเป็นได้ที่จะลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจปิโตรเคมี เนื่องจากมีวัตถุดิบที่ใช้ป้อนในปิโตรเคมีได้ หรือจะขายเป็นฟีดสต็อกก็ได้
"บริษัทฯมั่นใจว่าโครงการยูโร 4ของSPRC จะเสร็จทันตามที่รัฐกำหนดไว้ เนื่องจากบริษัทฯได้มีการสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งความจริงบริษัทมีการเตรียมเม็ดเงินลงทุนไว้ ซึ่เงินที่ได้จากการขายหุ้นเข้าตลาดก็จะนำมาใช้ในโครงการนี้ด้วย และไม่เคยได้ยินว่าเชฟรอนจะขายทิ้งหุ้นSPRC"
สำหรับภาวะโรงกลั่นน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ พบว่า ค่าการกลั่นดีกว่าไตรมาส 4/2552 เพราะไตรมาสแรกปีนี้ หลายโรงกลั่นมีการหยุดซ่อมบำรุงกันมาก ทำให้ซัปพลายมันหายไปจากตลาด
|
|
|
|
|