นายสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ กรรมการและรองประธานฝ่ายขาย บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL แจ้งว่าขณะนี้ บริษัทได้รับหนังสือแจ้งความจำนงเพื่อทำสัญญาก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลพ ร้อมกัน 2 โครงการ โดยโครงการแรกเป็นโรงงานผลิตเอทานอลของ " กลุ่มปิโตร เวียตนาม (Petro Vietnam) " ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมันและปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และโครงการที่ 2 เป็นโรงงานผลิตเอทานอลของ กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่างานโครงการละ 2,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ทำให้ TTCL มีปริมาณงานเพิ่มเป็นกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสามารถเริ่มรับรู้รายได้ทันที่ในปีนี้ มีกำหนดเริ่มก่อสร้างภายในปี 53 และจะแล้วเสร็จภายในปี 55 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้มีกำลังการผลิตเอทานอล เท่ากันคือ โรงงานละ 300,000 ลิตรต่อวัน โดยผลผลิตเอทานอลที่ได้จะนำไปใช้ในการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศ เวียดนาม
" การที่เรา ชนะการเสนองานทั้ง 2 โครงการนั้น เป็นเพราะ TTCL มีประสบการณ์ในการออกแบบและก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ในต่างประเทศรวมถึงใน ประเทศเวียดนามมากว่า 13 ปี และยังมีบริษัท โตโย-เวียดนามเป็นบริษัทลูก ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ TTCL ใช้กลยุทธ์รุกขยายงานในต่างประเทศ เพื่อสร้างผลประกอบการให้เติบโตยิ่งขึ้น เนื่องจากงานในต่างประเทศมีอัตรากำไรสูงกว่างานในประเทศ เพราะได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากมีผลงานการก่อสร้างในต่างประเทศ ที่สร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของโครงการ "
นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนถูกกว่า จากอัตราค่าจ้างวิศวกรไทย น้อยกว่าค่าจ้างวิศวกรในประเทศต่าง ๆ และการรับงานในต่างประเทศจะช่วยยกระดับจากบริษัทก่อสร้างแบบครบวงจรที่ใหญ่ ที่สุดของประเทศสู่การเป็นบริษัทรับเหมาแบบครบวงจรระดับนานาชาติ และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากสถานการณ์มาบตาพุด ซึ่งโครงการก่อสร้างของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากดำเนินงานก่อสร้างแล้วเสร็จเกือบ 100% แล้ว นอกจากนี้ TTCL อยู่ระหว่างเสนอ งานรับเหมาครบวงจร EPC อีกหลากหลายโครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 39,000 ล้านบาท อาทิ โรงงานปุ๋ยที่ประเทศเวียดนามและโมร็อคโค คาดว่าบริษัทจะสามารถชนะงานประมูลได้
อนึ่ง TTCL เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีผลกำไรสุทธิสูงที่สุด 2 ปีซ้อน คือ 327 ล้านบาท (ปี 52) แถมมีค่า PE เพียง 9.44เท่า (ถูกที่สุดในกลุ่มรับเหมาฯ) และเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่รายเดียวที่จ่ายเงินปันผลสูงสุดในปี นี้ คือ 35 สตางค์ต่อหุ้นหรือ 5.31% คิดเป็นการจ่ายปันผลอัตรา 50.33% ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.195 สตางค์ต่อหุ้น ในวันที่ 30 เมษายนนี้ อีกทั้งยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยมูลค่าเงินสดและเงินลงทุนชั่ว คราวกว่า 2,700 ล้านบาท โดยไม่มีภาระหนี้เงินกู้เลย
|