|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอ็น.ซี.ฯระบุแดงชุมนุมการเมืองป่วนไม่มีผลต่อตลาดรวม ชี้ลูกค้ายังเร่งซื้อ-โอน เหตุกลัวไม่ได้ประโยนช์จากภาษี ส่งผลยอดขาย2เดือนแรกโตกว่าช่วงปลายปี แจงสต็อกบ้านพร้อมอยู่ถูกระบายกว่าครึ่ง พร้อมเร่งก่อสร้างบ้านรักษาสต็อก 400-500 ล้านบาท ย้ำชัดแนวโน้มยอดขายบ้านแฝดมาแรงแซงทาวน์เฮาส์ เชื่อไตรมาส 2 ตลาดขยายตัวต่อเหตุแนวโน้มดอกเบี้ยยังต่ำ เศรษฐกิฟื้นตัวเต็มที่ ไม่หวั่นการเมืองเดือดเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่หาดจอมเทียน 26 มี.ค.นี้
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น .ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาสแรกยังขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีปัจจัยลบด้านการเมืองเข้ามาแต่กลับไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจ ซื้อของผู้บริโภคเนื่องจากการชุมนุมไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าคลายความกังวล ในขณะที่การสิ้นสุดอายุมาตรการทางภาษีในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ กลับสร้างความกังวลต่อผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่าปัญหาด้าน การเมือง
จากความกังวลของลูกค้าที่เกรงว่าจะโอนบ้านไม่ทันมาตรการภาษีที่จะสิ้นสุดลง ในวันที่ 2/8 มีนาคมนี้ ทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 53 นี้มียอดการซื้อบ้านในตาดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยในส่วนของ เอ็น.ซี.ฯนั้นสามารถระบายสต็อกบ้านพร้อมอยู่ ทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดออกไปกว่า 50% ของสต็อก ซึ่งปกติบริษัทจะมีสต็อกบ้านไว้รองรับลูกค้าในมือทั้งปี 400-500 ล้านบาท ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา เอ็น.ซี.ฯต้องเร่งก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่เพื่อรักษาระดับสต็อกให้มอยู่ใน ระดับเดิมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้กลุ่มที่อยู่อาศัย ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากที่สุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคือกลุ่มบ้านแฝด จาก เดิมที่คาดการณ์ว่ากลุ่มทาวน์เฮาส์จะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากลูกค้าเห็นว่ารูปแบบของบ้านแฝดในปัจจุบัน มีการออกแบบฟังค์ชั่นการใช้งาน การจัดสรรพื้นที่ใช้สอย และรูปแบบบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าทาวน์เฮาส์ ในขณะที่ราคาขายไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้บ้านแฝดเริ่มได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มมาขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมาสต็อกบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดพร้อมอยู่ของบริษัทถูกระบายออกไป เกือบหมด ทำให้บริษัทต้องเร่งงานสร้างบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด เพื่อทดแทนสต็อกเก่าที่ระบายออกไป โดยคาดว่าสต็อกใหม่ที่เข้ามาจะมีมูลค่ารวมประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในช่วงที่เหลือได้”นายสมนึกกล่าว
นายสมนึก กล่าวว่า สำหรับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองของลูกค้าที่คาดว่าจะยังส่งผลต่อตลาด อสังหาฯโดยรวมนั้น เชื่อว่าผลกระทบมีน้อยมาก เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯได้รับผลกระทบจากการเมืองมาโดยตลอด ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการมีการเตรียมแผนรับมือปัญหาที่เกิดขึ้นไว้รับ สถานการณ์ในกรณีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ในขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็เริ่มชินกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิด ขึ้นตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
“ ปัญหาการเมืองที่จะเข้ามากระทบตลาดอสังหาฯนั้นเชื่อว่ายังไม่สิ้นสุด แม้ว่าการชุมชุนในช่วงนี้จะหยุดไป แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะยังมีปัญหาอื่นๆ เข้ามาอีก ทำให้บริษัทมีแผนเตรียมรับมือปัญหาไว้ล่วงหน้าแล้ว เชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็เช่นกัน”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่ต้องการซื้อที่ อยู่อาศัยในช่วงนี้ บริษัทมีแผนจะจัดแคมเปญพิเศษ พร้อมการออกบูท ที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ในระหว่างวันที่19-28 มี.ค.นี้ โดยจะนำบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดรวมถึงทาวน์เฮาส์ จาก 4 โครงการของบริษัทมาออกบูท มอบส่วนลด และแจกของแถมสำหรับลูกค้าที่จองซื้อบ้านภายในงานด้วย
นายสมนึก กล่าวว่า สำหรับในช่วงไตรมาส 2 หลังจากที่มาตรการภาษีอสังหาฯสิ้นสุดลง เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อตลาดรวม เนื่องจากตลาดอสังหาฯสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ชัดเจน และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีการขยายตัวที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาจะยิ่ง ส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ในขณะเดียวกันแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ จึงเชื่อว่าลูกค้าจะยังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการตัดสินใจเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวในเมืองพัทยา ที่หาดจอมเทียนของบริษัทในวันที่ 26 มี.ค.นี้ แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงการเมืองร้อนระอุ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อยอดขายของโครงการดังกล่าวนั้น เชื่อว่าปัญหาการเมืองจะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเนื่องจากขณะ นี้มีลูกค้าที่เข้ามาลงชื่อแสดงความต้องการซื้อบ้านในโครงการจำนวนมากสะท้อน ให้เห็นว่าลูกค้าในพัทยาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น นอกจากนี้โครงการที่เปิดขายในพัทยาจำนวน 2 โครงการก่อนหน้านั้นก็ปิดการขายหมดแล้ว ทำให้บริษัทตัดสินใจเปิดขายโครงการใหม่เพื่อให้มีสินค้ารองรับความต้องการใน พื้นที่อย่างต่อเนื่อง
|
|
|
|
|