Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน22 มีนาคม 2553
ซื้อขายออนไลน์ยอดพุ่งปีนี้โต20%“พาณิชย์”ได้ทีทำแผน พัฒนารองรับ             
 


   
search resources

E-Commerce
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า




สินค้าออนไลน์พุ่ง หลังคนไทยหันมาซื้อขายมากขึ้น คาดปีนี้ดันยอดซื้อพุ่ง 20% แฟชั่น เครื่องสำอางมาแรง “พาณิชย์” เตรียมทำแผนพัฒนาอีคอมเมิร์ซไทยต่อเนื่อง

นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า แนวโน้มการค้าผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ปี 2553 จะขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเติบโตมากถึง 10-20% จากปี 2552 เนื่องจากขณะนี้คนไทยได้หันมาใช้บริการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้ประชาชน ส่วนใหญ่หันมาซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ที่สะดวกสบายกว่าแทน

“ในช่วงเกิดการชุมนุมที่มีการปิดถนน และเดินทางไม่สะดวก รวมถึงมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ทำให้ประชาชนหันมาซื้อสินค้าระบบออนไลน์มากขึ้น ทดแทนการไปเดินซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้า ทำให้ร้านค้าค่อนข้างเงียบเหงา สวนทางกับสินค้าที่ขายออนไลน์กลับได้รับความนิยม โดยสินค้าที่ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์มาก ได้แก่ แฟชั่น เครื่องสำอางและสินค้าประเภทดิจิตอลคอนเทนท์”นายบรรยงค์กล่าว

ทั้งนี้ การค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น มาจากพฤติกรรมของคนไทย ที่ปรับตัวมาใช้ชีวิตในสังคมออนไลน์ (โซเชียล เน็ตเวิร์ก) มากขึ้น ประกอบกับร้านค้าในระบบอีคอมเมิร์ซมีการพัฒนาสินค้า บริการ โปรโมชั่น และความน่าเชื่อถือ ทำให้มูลค่าการค้าขายสินค้าในตลาดนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จุดอ่อนสำคัญยังเป็นเรื่องความน่าเชื่อถือในระบบซื้อขายและการส่งสินค้า ที่ยังไม่คล่องตัว

นายบรรยงค์กล่าวว่า กรมฯ มีแผนส่งเสริมธุรกิจการค้าออนไลน์ต่อเนื่อง โดยจะเน้นพัฒนาทักษะ และสร้างความเชื่อมั่นในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยให้เครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การให้เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การสร้างความเชื่อมั่นโดยการแสดงความคิดเห็นและคะแนนความน่าเชื่อถือจากผู้ ซื้อ ผู้ขาย และยังจะช่วยสนับสนุนการสร้างโอกาสทางการค้าระบบอีคอมเมิร์ซ ผ่านตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

สำหรับผลสำรวจการค้าระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ปี 2552 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ธุรกิจที่ได้รับความนิยมใช้อีคอมเมิร์ซมากสุด ได้แก่ แฟชั่น เครื่องแต่งกาย อัญมณี และเครื่องประดับ รองลงมาเป็นสินค้าอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอินเตอร์เน็ต

ส่วนมูลค่าธุรกิจพาณิชย์อีเล็กทรอนิกส์ปี 2551 มีมูลค่า 527,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ 427,460 ล้านบาท 23.41% โดยแบ่งเป็นการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ 288,749 ล้านบาท มูลค่าแบบผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (บีทูบี) จำนวน 190,751 ล้านบาท และผู้ประกอบการกับลูกค้าทั่วไป (บีทูซี) มูลค่า 45,951 ล้านบาท โดยมีธุรกิจยานยนต์และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงสุด 71,617 ล้านบาท สัดส่วน 30% ของมูลค่าทั้งหมดรองลงมาเป็น กลุ่มคอมพิวเตอร์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอินเตอร์เน็ต 59,420 ล้านบาท สัดส่วน 24.9%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us