บีทีเอสโดดฮุบวีจีไอเต็ม 100% พร้อมเดินหน้าลุยธุรกิจบริหารสื่อโฆษณาต่างประเทศ นำร่องตั้งสำนักงานที่เซี่ยงไฮ้จีนแล้ว เผยศึกษาสื่อดิจิตอลใหม่ๆหวังดึงลูกค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในบริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารสื่อโฆษณาและพื้นที่ค้าปลีกบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เนื่องจากว่า บริษัท บีทีเอส ได้เข้ามาซื้อหุ้นและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นเจ้าของวีจีไอฯ เรียบร้อยแล้ว ทำให้สถานภาพของวีจีไอกลายเป็นบริษัทลูกของบีทีเอสไปโดยปริยาย หลังจากที่ผู้ก่อตั้งวีจีไอ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้ตัดสินใจขายหุ้นให้ทั้งหมด

นายมารุต อรรถไกรวัลวที ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจการบริหารสื่อโฆษณาและมีเดียไปต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นนี้ได้ให้ความสนใจในประเทศจีน เนื่องจากเป็นประเทศที่ใหญ่และมีศักยภาพด้วยเพราะมีการพัฒนาทางด้านสื่อใน ระดับที่น่าสนใจเช่นกัน

ล่าสุดไม่นานนี้บริษัทฯ ได้ตั้งสำนักงานที่เซี่ยงไฮ้แล้ว ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 20 กว่าล้านบาท โดยมีทีมงานแยกต่างหากจากเมืองไทย เพื่อทำหน้าที่ศึกษาตลาดและลงทุนธุรกิจสื่อที่เซี่ยงไฮ้ โดยมีอดีตผู้ก่อตั้งวีจีไอฯในไทยเป็นผู้ให้คำแนะนำและเชื่อมโยงการทำธุรกิจ ที่จีน

เบื้องต้นนี้ได้มีการเจรจากับทางกลุ่มซีพีซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจโล ตัสซูเปอร์เซ็นเตอร์ที่จีน ซึ่งมีสาขารวมกันมากกว่า 70 แห่ง ขณะที่มีสาขาในเซี่ยงไฮ้มากถึง 10 กว่าแห่งแล้ว เพื่อที่จะขอสิทธิ์เข้าไปบริหารสื่อโฆษณาในโลตัส รวมทั้งความสนใจเข้าบริหารพื้นที่โฆษณาบนรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่เซี่ยงไฮ้อีก หลายเส้นทาง

ส่วนในไทยนั้นมีแผนที่จะทำการตลาดเชิงรุก โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจมีเดียเข้าไปในอินสโตร์มากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯต่างจังหวัด โดยเน้นการใช้สื่อดิจิตอลเป็นหลัก และยังมีการตั้งทีมงานเพื่อพัฒนาด้านสื่อมัลติมีเดียและอื่นๆโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นการนำนวัตกรรมสื่อโฆษณามาใช้ สร้างความสนใจให้กับลูกค้าในการซื้อพื้นที่โฆษณาด้วย

โดยปัจจุบันพื้นที่โฆษณานอกเหนือจากบีทีเอสแล้ว บริษัทฯยังมีในไฮเปอร์มาร์ทใหญ่ๆเช่น เทสโก้โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ วัตสัน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะรับผิดชอบบริหารโฆษณาพื้นที่ทางเข้าจนถึงทางเข้าพื้นที่ขาย ของไฮเปอร์มาร์ท ซึ่งปีนี้มีแผนที่จะติดตั้งจอแอลซีดีในเทสโก้โลตัสในต่างจังหวัดให้ครบทุก สาขา จากปีที่ผ่านมาติดตั้งเฉพาะสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น ทั้งนี้ปีนี้คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท ในการขยายเครือข่ายโฆษณา รวมทั้งการพัฒนาระบบไอที คอมพิวเตอร์ในบริษัทฯให้มีประสิทธิภาพมากยิงขึ้น

สำหรับผลประกอบการปี 2552 มียอดขายรวมมากกว่า 1,100 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2553 นี้จะมีรายได้รวมเติบโต 15% ใกล้เคียงปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ในอัตรานี้มาตลอดการดำเนินงาน 10 ปี โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากพื้นที่โฆษณาบีทีเอส 70% ส่วนรายได้จากโมเดิร์นเทรดประมาณ 30% ซึ่งอนาคตมีเป้าหมายที่จะให้สัดส่วนรายได้ของ 2 กลุ่มนี้เท่ากันยอย่างละ 50%